ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยประเทศไทยจับมือประเทศฝรั่งเศส ผลิตวัคซีนป้องกัน 4 โรครวมอยู่ในเข็มเดียวทันสมัยได้แก่คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี ภายในประเทศครั้งแรกใช้สะดวกขึ้น พร้อมสร้างโรงงานผลิตในไทยอย่างถาวร ใช้งบลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท มั่นใจช่วยไทยประหยัดงบจัดซื้อวัคซีนในช่วง 8-10 ปี ได้เกือบ 2,000 ล้านบาท

นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขไทย โดยองค์การเภสัชกรรม บริษัทองค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัทซาโนฟีปาสเตอร์ ประเทศฝรั่งเศส ในโครงการผลิตวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ตับอักเสบบี ในประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนในประเทศ ไม่ต้องนำเข้าวัคซีนทั้งหมดจากต่างประเทศ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลเพื่อสร้างความมั่นคงทางสุขภาพแก่คนไทยทุกคน และจัดหาวัคซีนใช้ป้องกันโรคอย่างเพียงพอ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ผ่านมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยในการลงนามดังกล่าว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย และ นายฌอง-มาร์ค เอโรต์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคในเด็กแรกเกิดขององค์การเภสัชกรรมให้มีรูปแบบทันสมัย เพื่อให้ใช้ง่าย สะดวก เพิ่มความครอบคลุมการได้รับภูมิคุ้มกันโรคเด็กไทย โดยจะพัฒนาและผลิตวัคซีนวัคซีนรวม 4 ชนิดได้แก่ คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และวัคซีนตับอักเสบบีรวมอยู่ในเข็มเดียวกัน(DTP-HB) ในประเทศไทยครั้งแรก เพื่อฉีดให้แก่เด็กแรกเกิดของไทยทุกคนซึ่งมีปีละประมาณ 800,000 คน โดย บริษัทซาโนฟีปาสเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีศักยภาพ มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนหลายชนิดที่มีคุณภาพระดับสากล จะถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้การผลิตวัคซีนดังกล่าวให้กับองค์การเภสัชกรรมไทย และบริษัทองค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด จนสามารถผลิตวัคซีนรวมจนสำเร็จ และจะลงทุนสร้างโรงงานผลิตวัคซีนตับอักเสบบีให้แก่องค์การเภสัชกรรมด้วย ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ใช้เวลา 8 -10 ปี ใช้งบประมาณลงทุน 700 ล้านบาท ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และเป็นการวางมาตรฐานการผลิตวัคซีนของไทยให้มั่นคง ในระดับสากล ได้ใช้วัคซีนที่มีคุณภาพสูง ผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมทั้งการจัดหาจากแหล่งผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐานมีใช้ในปริมาณที่เพียงพอ รองรับทุกสถานการณ์ พึ่งตนเองได้ และยังเป็นฐานการพัฒนาการผลิตวัคซีนตัวอื่นๆ ขององค์การเภสัชกรรมในอนาคต และอาจส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียนต่อไป

ด้านนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขจะซื้อวัคซีนจากบริษัทองค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนขององค์การเภสัชกรรม 6 ชนิด ได้แก่ 1.วัคซีนตับอักเสบบี 2.วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 3.วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดกิน 4.วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 5.วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-ไอกรน-บาดทะยัก-ตับอักเสบบี 6. วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี ในราคาตลาดที่ถูกลงเป็นกรณีพิเศษ และนำกำไรจากการจำหน่ายดังกล่าวมาลงทุนในโครงการฯ มั่นใจว่าในระยะ 8-10 นี้ จะประหยัดงบประมาณในการจัดหาวัคซีนได้เกือบ 2,000 ล้านบาท