ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

รพ.เอกชนจ่ายใต้โต๊ะแลกคนเจ็บส่งโรงพยาบาลหวังเงินอุดกองทุนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

ศ.นพ.ไพบูลย์ สุริยะวงศ์ไพศาล อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยต่อที่ประชุมวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินระดับชาติ ประจำปี 2556 ว่า มีโรงพยาบาลเอกชนจ่ายเงินใต้โต๊ะให้อาสาสมัครเพื่อให้นำคนเจ็บมาส่งโรงพยาบาลตนเอง เพื่อจะได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ครั้งละ 1.5 หมื่นบาท

"เงินจากกองทุนตรงส่วนนี้ผมก็ไม่เคยเห็นว่าประชาชนจะได้ประโยชน์เลยแม้แต่บาทเดียว" ศ.นพ.ไพบูลย์ กล่าว

น.ส.สกาวรัตน์ สมสกุลรุ่งเรือง ตัวแทนจากมูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวว่าการจ่ายใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่กู้ชีพของโรงพยาบาลเอกชนทำให้คนมีจิตอาสาที่เคยรักกันต้องทะเลาะกันและแบ่งแยกกลุ่มกัน ดังนั้นภาครัฐต้องแก้ปัญหานี้

อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิฯ พยายามตรวจสอบข้อมูลกับเครือข่ายอยู่ตลอดและหากพบว่าอาสาสมัครคนใดนำคนไข้ส่งโรงพยาบาลบางแห่งผิดปกติ และมีการรับเงินใต้โต๊ะจะให้ออกจากมูลนิธิทันที รวมถึงจะติดบัญชีดำไม่สามารถทำงานอาสาสมัครได้อีก

"โรงพยาบาลเอกชนเกือบทุกแห่งมีการจ่ายใต้โต๊ะเรื่องนี้แต่แก้ได้ยากมาก"ตัวแทนจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ระบุ

น.ส.สกาวรัตน์ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือมีภาคเอกชนนัดรวมตัวกันออกรถตู้พยาบาลไม่ติดตราสัญลักษณ์ไปรับส่งต่อผู้ป่วยให้โรงพยาบาล ซึ่งผิดกฎหมายขอให้แก้ปัญหาที่เรื้อรังเหล่านี้โดยด่วน

ด้าน นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี นักวิชาการเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ระบุว่า เม็ดเงินกองทุนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถที่มาจากผู้จ่ายเบี้ยประกันภัย หมุนเวียนอยู่กว่า 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้โรงพยาบาลเอกชนจ่ายยอมจ่ายใต้โต๊ะแลกผู้ได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งมีการเบิกจ่ายตามระบบเจ็บป่วยฉุกเฉิน 3 กองทุน ทำให้โรงพยาบาลเอกชนตั้งเบิกตามการจ่ายตามกลุ่มโรคร้ายแรง (ดีอาร์จี) ระบบการเบิกจ่ายจะยิ่งหละหลวมมากขึ้น

"เคยมีผู้เสนอให้ยุบกองทุนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ แล้วให้กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและกองทุนประกันสังคม ดูแลการเบิกจ่ายคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุแทน แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะมีขั้นตอนซับซ้อน และได้เงินน้อยกว่าการเบิกจ่ายตามกองทุนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถที่บริษัทประกันภัยเป็นผู้บริหารเอง" นพ.พงศธร กล่าว

ทั้งนี้ การยุบกองทุนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเป็นไปได้ยากมากเพราะเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุน และผลประโยชน์

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 9 มีนาคม 2556