ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

"หมอประดิษฐ" อ้างดีเอสไอชี้มูลคดีสำรองวัตถุดิบยาพาราฯ เป็นความผิดของ "หมอวิชัย-หมอวิทิต" เพราะเป็นผู้บริหารต้องรับผิดชอบ เตรียมส่งต่อให้บอร์ดพิจารณา ผอ.อภ. ด้าน "หมอวิชัย" จวกกลับ ดีเอสไอเรียกสอบฐานะพยาน ไม่ใช่ผู้ต้องหา และไม่ได้ถามคดียาพาราฯ เตรียมตั้งทนายสู้

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.กระ ทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้มูลเบื้องต้นกรณีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) สั่งสำรองวัตถุดิบผลิตยาพาราเซตามอลในช่วงน้ำท่วมจำนวน 148 ตัน ว่า ทางดีเอสไอได้ส่งผลการสอบสวนมาให้ตนทราบแล้ว โดยระบุว่า คำชี้แจงของ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.อภ. ต่อกรณีการสั่งสำรองวัตถุดิบไม่น่าจะสมเหตุผล และเห็นว่าอาจจะเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 และมาตรา 157 ขณะเดียวกัน ดีเอสไอยังได้มีการชี้มูล นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานกรรมการบอร์ด อภ.ด้วย ในฐานะที่รับรู้เรื่องการสั่งสำรองวัตถุดิบ แต่ไม่มีการเข้าไปขัดขวางในเรื่องดังกล่าว อาจจะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 จึงได้ทำเรื่องส่งไปยังสำนักงานคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการกับ ผอ.อภ.อย่างไรต่อไป นพ.ประดิษฐกล่าวว่า การชี้มูลของดีเอสไอเป็นการชี้มูลเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้พูดว่าเป็นความผิด เป็นเพียงความเห็นของดีเอสไอ ยังต้องมีการพิสูจน์สอบสวนข้อเท็จจริงกันต่อไป โดยได้ส่งเรื่องให้ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด อภ. ไปพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งคงจะมีคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ และนำผลที่ได้ไปรวมกับผลการสอบ สวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ อภ.ตั้งขึ้นมา เพื่อสอบสวนกรณีการสำรองวัตถุดิบพาราเซตามอล กรณีการสำรองวัตถุดิบยาโอเซลทามิเวียร์ ยารักษาโรคหัวใจ การก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีน โรงงานผลิตยาต้านไวรัสเอชไอวี ซึ่ง อภ.ได้ตั้งขึ้นมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดเป็นเรื่องของบอร์ด อภ.จะพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม และเท่าที่ทราบคาดว่าประมาณต้นสัปดาห์หน้าน่าจะมีผลการตรวจสอบออกมา และคงจะรายงานผลการดำเนินงานให้ตนทราบภายหลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานของ อภ.จะเป็นการตัดสินใจในระบบของบอร์ด แต่ทำไมในการชี้มูลความผิดครั้งนี้ระบุที่ตัว นพ.วิทิต และ นพ.วิชัย เพียง 2 คนเท่านั้น นพ.ประ ดิษฐกล่าวว่า ผอ.ถือเป็นผู้บริหารระดับสูงสุด ส่วนกรณีของ นพ.วิชัยนั้น อาจเป็นเพราะท่านให้ข้อมูลว่าท่านรับรู้ในเรื่องนี้มาตลอด จึงถูกดีเอสไอตั้งข้อสงสัยว่าเมื่อมีการรับรู้แล้ว ในฐานะผู้บริหารระดับนโยบายท่านได้มีการยับยั้ง ถ้าไม่ยับยั้งจึงอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบอร์ด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นพ. ประดิษฐได้มอบนโยบายให้แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศกรณีการจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน (พีโฟร์พี) ตอนหนึ่งว่า เรื่องเกี่ยวกับ อภ.คงจะยาว คงจะมีหลายเรื่องออกมาเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีคำตอบต่างๆ ออกมาบ้างแล้ว

ด้าน นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานบอร์ด อภ. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาทั่วประเทศว่าดีเอสไอจะเชิญตนไปชี้แจงข้อมูลเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่จนกระทั่งถึงวันที่ 25 เม.ย. ตนก็ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญไปชี้แจง จึงได้ให้นักกฎหมายประสานงานไปยังดีเอสไอ และได้เข้าไปให้ข้อมูลในช่วงบ่ายของวันที่ 26 เม.ย. พร้อมด้วยทนายความส่วนตัว โดยในการชี้แจงข้อมูลวันนั้น ทางดีเอสไอไม่ได้สอบตนเองเรื่องการสำรองวัตถุดิบผลิตยาพาราฯ ด้วยซ้ำไป เนื่องจากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารคือ ผอ.อภ. ที่ต้องรับผิดชอบ เพราะยอดงบประมาณไม่ถึงบอร์ด แต่ตนก็บอกว่าตนมีข้อมูลจะให้ และเมื่อทราบข้อมูลแล้ว ทางดีเอสไอยังบอกกับตนว่าแสดงว่าไม่มีอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า นพ.ประดิษฐยืนยันข้อ มูลดีเอสไอระบุว่า นพ.วิชัยรับรู้เรื่องนี้ แต่ไม่มีการยับยั้ง ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นพ.วิชัยกล่าวว่า มันเหมือนหมาป่ากับลูกแกะ แล้วแต่ว่าเขาจะใช้วิธีการอะไร

"ในวันนั้นเป็นการเชิญผมไปให้ถ้อยคำ ผมยังถามเลยว่าผมมาในฐานะอะไร เขาบอกว่าเป็นพยาน ผมก็บอกว่าเป็นพยานได้อย่าง ไรในเมื่อยังไม่ได้เป็นคดีไม่ใช่หรือ เขาบอกว่าใช่ ถ้าอย่างนั้นก็มาในฐานะเป็นผู้มาให้ถ้อยคำ ทีนี้ถ้าใครไปให้ข้อมูลแล้วจับเป็นผู้ต้องหาเลย อย่างนี้ก็แล้วแต่ดีเอสไอ ไม่เป็นไร เขาจะใช้อำนาจหน้าที่ เขาทำอะไรก็ทำตามใจเขา ผมก็จะใช้สิทธิของผมตามกฎหมาย บ้านเมืองมีขื่อมีแป ดีเอสไอไม่ใช่ผู้ที่อยู่เหนือกฎหมาย เขาก็ต้องทำตามกฎหมาย โดยขณะนี้ได้ให้ทนายความติดตามข้อมูลแล้ว" อดีตประธานบอร์ด อภ. กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 2 พฤษภาคม 2556