ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคพ้องบประมาณจัดซื้อถุงยางป้องกันเอดส์ไม่พอกับความต้องการ  ชี้ปีหนึ่งต้องการใช้ 230 ล้านชิ้น แต่ สธ.-สปสช.จัดหาได้แค่ 40 ล้านชิ้น  เผยต้องเพิ่มขนาด 54 มม.ด้วยเหตุขนาดชายไทยไซส์ใหญ่ขึ้น

วันนี้(26 มิ.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2555 - 2559 ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 43,040 ราย ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จะใช้มาตรการเร่งรัดการเข้าถึงถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ใช่คู่ของตนเองให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และรณรงค์ให้ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมาตรวจเลือด หากติดเชื้อจะได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ และไม่ผู้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า คาดว่าความต้องการใช้ถุงยางอนามัยของคนไทยทั่วประเทศมีปีละประมาณ 230 ล้านชิ้น แต่ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สามารถสนับสนุนได้เพียง 40 ล้านชิ้น ส่วนที่เหลือประชาชนซื้อใช้เองและไม่ใช้ถุงยางอนามัยซึ่งขณะนี้งบประมาณที่จะจัดซื้อไม่เพียงพอกับความต้องการจึงจำเป็นต้องหาเครือข่ายสนับสนุนถุงยางอนามัยเพิ่มเติมจากองค์กรภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดหาถุงยางอนามัยแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในท้องที่ของตนเอง และขอความร่วมมือประชาชนซื้อถุงยางอนามัยใช้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ อย่าอาย ในแง่งบประมาณการสนับสนุนถุงยางอนามัย เป็นการลงทุนที่น้อยมาก เพาะหากติดเชื้อเอชไอวีต้องใช้เงินมากในการรักษาตนเองไปตลอดชีวิต รัฐบาลต้องเสียงบประมาณเพื่อการรักษามากมายหลายเท่า

นพ.พรเทพ กล่าวด้วยว่า กรมควบคุมโรคมีโครงการให้ความรู้ในการใช้ถุงยางอนามัยแก่เด็กนักเรียนชายระดับมัธยมศึกษา และอาชีวศึกษา สำหรับกลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป และมีบริการเข้าถึงถุงยางอนามัย โดยตั้งจุดรับบริการถุงยางอนามัยในสถานบันเทิง คลินิกกามโรค และเพิ่มขนาดของถุงยางอนามัยจาก 2 ขนาด เป็น 3 ขนาด คือ 49 มม. 52 มม.และ 54 มม. เพื่อตอบสนองเสียงเรียกร้องของผู้ใช้ถุงยางอนามัย

“เหตุที่ต้องจัดหาถุงยางอนามัยขนาด 54 มม.เนื่องจากปัจจุบันคนไทยสูงเกิน 170 ซม. น้ำหนักเกิน 70 กก.มีมากขึ้น ใช้ขนาดเดิมไม่ได้แล้ว ดังนั้นวัยรุ่นไปจนถึงอายุ 30 ปีต้องใช้ขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพราะถ้าใช้ขนาดเล็กอาจรัดเกินไป ก็เหมือนใส่เสื้อคับไปทำให้อึดอัดก็ต้องใช้เสื้อขนาดใหญ่ขึ้น” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว.

 ที่มา: http://www.dailynews.co.th