ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กองทุนประกันสังคมที่มีสินทรัพย์ลงทุนอยู่กว่า 1 ล้านล้านบาท เล็งเก็บหุ้นเพิ่ม หลังสบช่องราคาลงมาค่อนข้างมาก ดันสัดส่วนลงทุนในหุ้นจาก 10% เป็น 12% เผยหุ้นที่ลงทุนอาทิ RATCH, TISCO, AOT, KBANK, MAKRO, CPALL, TUF ฯลฯ

นายวิน พรหมแพทย์ หัวหน้างานลงทุน สำนักบริหารการลงทุน สำนักงานประกันสังคม หรือ SSO เปิดเผยว่า ล่าสุด สำนักงานประกันสังคมมีการปรับแผนการลงทุนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความผันผวนในปัจจุบัน โดย SSO ตั้งเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเอเชียประเทศเกิดใหม่ต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนดี รวมถึงเพิ่มหุ้นในตลาดโลกอย่างสหรัฐ

การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนดังกล่าวขณะนี้ ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการสำนักงานประกันสังคมแล้ว โดยเฉพาะกรอบเม็ดเงินลงทุน แต่แผนการลงทุนนี้ยังคงติดข้อกฎหมายบางอย่าง ซึ่งทาง SSO จำเป็นต้องแก้ไขให้เรียบร้อยอีกครั้ง คาดว่า หากการแก้รายละเอียดการลงทุน พร้อมกับมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทาง SSO ก็พร้อมเดินหน้าลงทุนทันที แต่การลงทุนนี้จะเป็นไปในลักษณะทยอยสะสม เหมือนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะทำให้พอร์ตลงทุนในหุ้นของ SSO ขยับขึ้นจาก 10% คิดเป็นวงเงิน 100,000 ล้านบาท เป็น 12% ซึ่งเต็มเพดานที่ SSO กำหนด

นอกจากนี้ SSO มีการปรับแผนการลงทุนในตราสารหนี้ด้วยเช่นกัน โดยการลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรไทย แล้วหันมาเพิ่มสัดส่วนในพันธบัตรต่างประเทศแทน เน้นลงทุนในพันธบัตรประเทศเกิดใหม่ เพราะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ประเทศเกิดใหม่อยู่ในระดับที่ต่ำมากรวมถึงภาวะเงินเฟ้อด้วย ขณะนี้ SSO มอง อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต บอนด์ และหุ้นกู้เอกชนไว้แล้ว ทั้งนี้ เชื่อว่า การปรับแผนการลงทุนดังกล่าวนอกจากช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้ SSO แล้วยังลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดโลกได้

นายวิน กล่าวว่า พอร์ตการลงทุนของ SSO ปัจจุบันมีประมาณ 1 ล้านล้านบาท แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินดังกล่าวมีต่อเนื่องเฉลี่ยเพิ่มปีละ 100,000 ล้านบาท พอร์ตการลงทุนของ SSO ปัจจุบันแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นตราสารหนี้ 85% ตราสารทุน 10% ที่เหลือ 5 % แบ่งเป็นตราสารหนี้ต่างประเทศ 3% เงินฝาก 1%กว่าที่เหลือเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม SSO ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก

“สัดส่วนการลงทุนในหุ้นของ SSO ปัจจุบันมี 10% อยากปรับสัดส่วนนี้เป็น 12%” นายวิน กล่าว

สำหรับทิศทางการลงทุนในหุ้นของ SSO ที่ผ่านมาในจำนวนเม็ดเงินลงทุน 100,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในหุ้นบูลชิพเป็นส่วนใหญ่มีประมาณ 40-50 ตัว โดยช่วงที่ตลาดผันผวนมากๆ SSO ก็ถือโอกาสที่ตลาดขึ้นแรงๆ ขายทำกำไรแต่ไม่ได้มาก และช่วงที่เวลาลงแรงๆ ก็เข้าไปซื้อเก็บตัวที่ตั้งเป้าหมายในการเก็บไว้แล้ว

ซึ่งทาง SSO จะกำหนดตัวหุ้นและราคาที่จะเข้าไปเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงจังหวะที่เป็นไปตามกำหนดจึงจะเดินหน้าเข้าลงทุนทันทีทั้งนี้ SSO มองว่า ตลาดผันผวนในขณะนี้ ถือเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุน อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ตลาดขึ้นแรงและมีการทำการขายทำกำไรไปบ้าง แต่เทรนโอเวอร์โดยรวมยังน้อยอยู่ไม่ถึง 10% ของพอร์ตลงทุนเลย

 “ตลาดหุ้นไทยมีเซ็กเตอร์ใหญ่อยู่สองเซ็กเตอร์ คือ กลุ่มพลังงานและธนาคาร ซึ่งมีความผันผวนมาก SSO ก็ต้องออกแบบพอร์ตให้มีความผันผวนน้อยกว่านั้น คือ พยายามเพิ่มเซ็กเตอร์อื่น เช่น บริษัทที่ขายสินค้าที่ต้องกินต้องใช้ บริษัทที่มีรายได้ไม่อิงกับเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก SSO พยายามดึงเซ็กเตอร์เหล่านี้เข้ามาในพอร์ต หากหุ้นผันผวนแรง พอร์ตเราก็จะผันผวนน้อยกว่า หรือต้องบอกว่า SSO ออกแบบพอร์ตให้รองรับกับสถานการณ์ และการปรับพอร์ตนี้มีมานานตั้งแต่แรกเพื่อให้รองรับความผันผวน เพราะไทยเจอหลายอย่างทั้งน้ำท่วมและอะไรหลายๆอย่าง”นายวิน กล่าว

นายวิน กล่าว สำหรับทิศทางการลงทุนจากนี้ไป มองว่า ในระยะยาวตลาดหุ้นเอเชียยังสามารถไปต่อได้ เพียงแต่อาจมีการปรับฐานบ่อย ดังนั้น ตลาดผันผวนมากๆ ด้านอินเวสเตอร์เชื่อว่าความผันผวนดังกล่าวเป็นประโยชน์ หากลงแรงก็เข้าซื้อหากขึ้นแรงก็ขาย ทั้งนี้ คาดว่า ตลาดผันผวนนี้จะเป็นไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นทั้งในส่วนของ SSO และนักลงทุนควรจัดพอร์ตเพื่อรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นด้วย ส่วนดัชนีปีนี้ มั่นใจว่า โอกาสแตะ 1,700 จุดยากขึ้น เพราะตอนนี้ PE หุ้นไทยเกินค่าเฉลี่ยไปมากโอกาสขึ้นไปแรงๆ มีน้อยเว้นแต่ต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อมากๆ หรือ นักลงทุนรายย่อยเข้าซื้อหุ้นมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นที่กองทุนประกันสังคมถืออยู่ในขณะนี้นั้น อาทิ อาทิ RATCH, TISCO, AOT, KBANK, MAKRO, CPALL, TUF, SCB, PS, PTT, SAMART ฯลฯ

ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น วันที่ 8 กรกฎาคม 2556