ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

บ่ายวันนี้ ( 31 กรกฎาคม 2556 ) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค

และเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เดินทางไปติดตามผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยจากปัญหาน้ำมันดิบรั่วลงทะเล ที่จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 โดยได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองสุขภาพประชาชนและผู้ปฎิบัติงานตักน้ำมันดิบที่ท่าเรืออบจ. หน่วยรักษาพยาบาลเบื้องต้น และฟังบรรยายสรุปปัญหาการเจ็บป่วยที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกาะเสม็ด และตรวจสภาพสิ่งแวดล้อมที่อ่าวพร้าวเพื่อประเมินผลกระทบต่อสภาวะสุขอนามัยของประชาชน

นายสรวงศ์กล่าวว่า ในการวางแผนดูแลสุขภาพประชาชนจากผลกระทบของน้ำมันดิบรั่วในทะเลครั้งนี้ ในระยะเร่งด่วน กระทรวงสาธารณสุขได้วางระบบไว้ 4 เรื่องหลักๆได้แก่ 1.การเฝ้าระวังผลกระทบเฉียบพลันจากน้ำมันดิบ โดยตั้งจุดตรวจคัดกรอง และเก็บปัสสาวะของผู้ปฏิบัติงานกู้ภัย ในการตักน้ำมัน และกำจัดคราบน้ำมัน ภายหลังเลิกงานแล้ว ซึ่งมีทั้งพนักงานของบริษัทปตท. อาสาสมัคร ทหารเรือและประชาชนทั่วไปที่อาศัยในพื้นที่ เพื่อตรวจหาสารทีที มิวโคนิค แอซิด (T-T muconic Acid) ซึ่งเป็นอนุพันธุ์ของสารเบนซีน ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในน้ำมันดิบและเข้าสู่ร่างกายจากการสูดดม หากสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน อาจก่อให้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ โดยมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์อาชีวอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง โรงพยาบาลมาบตาพุด โรงพยาบาลระยอง ร่วมดำเนินการ วานนี้เก็บตรวจจำนวน 209 คน ประกอบด้วยอาสาสมัคร 36 คน ทหารเรือ 168 คน อสม. 3 คน ที่เหลือเป็นพนักงานบริษัท จนถึงช่วงบ่ายวันนี้เก็บได้ประมาณ 300 คน ส่งตรวจวิเคราะห์ที่โรงพยาบาลระยอง ใช้เวลา 5 วัน ค่าปกติสารนี้ในปัสสาวะในคนทำงานต้องมีไม่เกิน 500 ไมโครกรัมต่อกรัมครีเอตินีน

2.ตั้งหน่วยปฐมพยาบาลที่อ่าวพร้าว ดูแลรักษาอาการป่วย โดยทีมจากโรงพยาบาลระยอง ร่วมกับหน่วยพยาบาลของบริษัทปตท.ตลอด 24 ชั่วโมง 3.ตั้งจุดดูแลรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกาะเสม็ด และ 4.การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำทะเล และอาหารทะเล เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนผู้บริโภค โดยในวันนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ชลบุรี ได้เก็บตัวอย่างกุ้ง หอยแมลงภู่ ปู ปลา ในพื้นที่ที่เกิดเหตุน้ำมันรั่ว รวมทั้งน้ำทะเล เพื่อมาตรวจวิเคราะห์เป็นข้อมูลพื้นฐาน เนื่องจากในช่วง 1-2 วันนี้ คาดว่าผลกระทบจะยังไม่เกิด และอีก 15 วัน จะเก็บมาตรวจซ้ำ เพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างหรือสิ่งผิดปกติ เพื่อติดตามการปนเปื้อนโลหะหนัก รวมทั้งสารพาห์ซึ่งเป็นตัวก่อมะเร็งได้

นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารรณสุขกล่าวว่า จากการติดตามผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะนี้มีรายงานผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกาะเสม็ด 20 ราย ส่วนใหญ่มีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ซึ่งมาจากการสูดกลิ่นของน้ำมันดิบเข้าไป โดยขณะนี้โรงพยาบาลระยองสามารถให้การดูแลผู้ป่วยได้

นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อวั่นและเก็บปัสสาวะส่งตรวจ พบว่า ส่วนหนึ่งไม่ได้ใช้อุปกรณ์ป้องกันการสูดดม จะต้องมีการติดตามตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมด้านการแพทย์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และวางแผนจัดระบบโดยให้โรงพยาบาลระยองดูแลอาสาสมัคร อสม. ในกลุ่มทหารเรือได้ประสานโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ติดตาม ส่วนพนักงานบริษัทได้ประสานให้บริษัทติดตาม โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเก็บปัสสาวะผู้ปฏิบัติงานหรือประชาชนที่สัมผัสคราบน้ำมันดิบ ส่งตรวจทุกคน และมอบให้โรงพยาบาลระยองซึ่งเป็นศูนย์อาชีวเวชศาสตร์ ของกระทรวงฯเป็นศูนย์ข้อมูลและเป็นศูนย์กลางในการติดตามดูแลผู้สัมผัสสารอย่างต่อเนื่อง 2-5 ปี ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคนำหน้ากากอนามัยชนิดพิเศษ ป้องการสารเคมีมามอบให้เจ้าหน้าที่ทำงานจำนวน 5,000 ชิ้น และหน้ากากชนิดเอ็น 95 จำนวน 200 ชิ้น

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษ ได้ส่งทีมฉุกเฉินมาตรวจคุณภาพอากาศในบริเวณอ่าวพร้าว ข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ในระยะห่างจากชายฝั่งประมาณ 200-500 เมตร หรือในบริเวณที่อยู่อาศัยต่างๆ คุณภาพอากาศยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก กล่าวคือ ปริมาณสารปนเปื้อนในอากาศสูงกว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย

สำหรับการจัดระบบติดตาม ในระยะยาว กระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนติดตามสุขภาพประชาชน โดยร่วมมือกับกรมประมง กรมควบคุมมลพิษ เพื่อร่วมติดตามประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจากห่วงโซ่อาหาร จึงขอแนะนำให้ประชาชนอย่านำปลาทะเลหรือสัตว์ทะเลที่ตายและถูกคลื่นซัดขึ้นมาที่ชายหาดมารับประทาน หลีกเลี่ยงการสัมผัสดิน สัตว์น้ำ หรือวัสดุต่างๆที่มีการปนเปื้อน เช่น ลงเล่นน้ำ เล่นกีฬาทางน้ำ หากสัมผัสคราบน้ำมัน ควรรีบล้างด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที สำหรับการเข้าไปอยู่อาศัยหรือท่องเที่ยวในบริเวณอ่าวพร้าว ควรงดเว้นจนกว่าการเก็บกวาดคราบน้ำมันจะเสร็จสิ้น

ที่มา: http://www.thanonline.com