ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ.เยี่ยมประชาชนและโรงพยาบาลบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้ขวัญกำลังใจและติดตามความพร้อมระบบการแพทย์และสาธารณสุขของสถานพยาบาลในการดูแลประชาชน ในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ที่โรงพยาบาลด่านหน้า 3 แห่งคือกันทรลักษ์ ขุนหาญและภูสิงห์ เชื่อมั่นความสัมพันธ์อันดีของไทย-กัมพูชา จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น

วันนี้ (9 พฤศจิกายน 2556) นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลกันทรลักษณ์ และโรงพยาบาลศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อติดตามความพร้อมทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในการรับมือสถานการณ์อุบัติภัยและภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นได้เดินทางไปพบปะให้กำลังใจประชาชนที่หมู่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ

นายแพทย์ประดิษฐให้สัมภาษณ์ว่า วัตถุประสงค์ของการเดินทางมาในวันนี้ เพื่อให้ขวัญกำลังใจ ประชาชนและติดตามความพร้อมการแพทย์และสาธารณสุขของโรงพยาบาลที่อยู่ตามชายแดน ในการบริการประชาชน ในภาวะปกติและการรับมือหากเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติทุกประเภทตามแนวชายแดน เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่และรวดเร็วที่สุด โดยได้มอบให้สถานพยาบาลในจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดบริเวณเขาพระวิหาร มีพรมแดนติดกัมพูชาเป็นระยะทาง 127 กิโลเมตร มีโรงพยาบาล (รพ.) ทั้งหมด 19 แห่ง ให้เตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วย รวมทั้งการดูแลทางกายภาพให้พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 9 - 30 พฤศจิกายน 2556 ได้จัดเตรียมระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่โรงพยาบาล 3 แห่ง คือรพ.กันทรลักษณ์ รพ.ขุนหาญ และรพ.ภูสิงห์ ซึ่งจัดเป็นโรงพยาบาลด่านหน้าของไทยที่อยู่ติดแนวชายแดนให้เตรียมแผนความพร้อมรับเหตุ จัดเตรียมสถานที่ห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด บุคลากร ยาเวชภัณฑ์ คลังเลือด เตียงผู้ป่วย ระบบสื่อสารให้พร้อมปฏิบัติงานตลอดเวลา มีรพ.ร่วมเครือข่ายอีก 14 แห่ง โดยตั้งศูนย์ประสานงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ

สำหรับรพ.กันทรลักษณ์อยู่ห่างผามออีแดงประมาณ 30 กิโลเมตร จะเป็นศูนย์ประสานงานรับแจ้งเหตุการณ์จากกองกำลังสุรนารี ได้เตรียมความพร้อมบุคลากรทางการแพทย์ ระดมรถพยาบาลฉุกเฉิน 20 คัน ภายใน 1 ชั่วโมง สำรองคลังเลือด 200 ยูนิต มีห้องผ่าตัด 4 ห้อง เป็นจุดรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บจากภาคสนาม และส่งต่อผู้ป่วยหนักไปยังรพ. 5 แห่ง คือ 1.รพ.ศรีสะเกษ 2.รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี 3.รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี 4.รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จ.สุรินทร์ 5.รพ.ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำรองเลือดไว้ผ่าตัด 400 ยูนิต ห้องผ่าตัด 3 ห้อง ไอ.ซี.ยู. 3 ห้อง ห้องผู้ป่วยศัลยกรรม 31 เตียง ห้องพิเศษ 3 ห้อง สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยทั่วไปยังให้บริการตามปกติ จากการตรวจเยี่ยมทุกแห่งมีความพร้อมเต็มที่ และเชื่อมั่นว่าจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกัมพชา จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ในส่วนกลางกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมอบหมายให้นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้าศูนย์ เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือสนับสนุนตามที่รพ.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา มีความต้องการ ซึ่งนอกจากพื้นที่จ.ศรีสะเกษแล้ว ยังได้สั่งการให้รพ.ในพื้นที่ใกล้เคียง เช่นสุรินทร์ บุรีรัมย์ เตรียมพร้อมสนับสนุนบริการด้านการแพทย์อย่างเต็มที่ด้วย