ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ.แจงความเข้าใจสมาพันธรัฐสวิสเกี่ยวกับการใช้ยาและการเบิกจ่ายยา ยืนยันระบบยาของประเทศไทยโปร่งใส รัฐบาลไม่ได้ห้ามโรงพยาบาลใช้ยาต้นแบบเพียงแต่มีนโยบายให้ใช้อย่างสมเหตุสมผล รวมทั้งเกณฑ์การจดทะเบียนยาตามกฎหมายไทย มีผลคุ้มครองสิทธิบัตร 20 ปี

นายแพทย์ประดิษฐ  สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับนางมารี แกเบรียล อินไอเชน ไฟล์ช(Marie-Gabrielle Ineichen-Fleisch) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การศึกษา และการวิจัยสมาพันธรัฐสวิส และคณะ ว่า ได้หารือกันเรื่องที่ทางสมาพันธสวิสมีความกังวลโดยเฉพาะเรื่องนโยบายด้านยาของประเทศไทย โดยได้ชี้แจง   ใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1.นโยบายด้านยาของรัฐบาลไทยมีความโปร่งใสโดยเฉพาะเรื่องการคุ้มครองสิทธิบัตรยา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และตามกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายไทยจะมีระยะเวลาในคุ้มครองสิทธิบัตรยาได้ 20 ปี หลังจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และขอความร่วมมืออย่าจดทะเบียนล่าช้าหรือจดทะเบียนในปีที่ 19 หรือ 20 เพราะแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่จะไม่ร่วมมือในการทำงาน

ประเด็นที่ 2.เรื่องการเบิกจ่ายยา ซึ่งสมาพันธรัฐสวิสกังวลว่าประชาชนโดยเฉพาะข้าราชการจะเข้าไม่ถึงยาเนื่องจากมีการเข้าใจผิดว่ารัฐบาลไทยโดยกรมบัญชีกลางห้ามโรงพยาบาลเบิกจ่ายยาต้นแบบ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจว่ารัฐบาลส่งเสริมให้โรงพยาบาลต่างๆใช้ยาชื่อสามัญ(generic name)ให้มากขึ้น ขณะเดียวกันไม่ได้ห้ามการจ่ายยาต้นแบบ(Original drug) แพทย์สามารถสั่งใช้ได้ ซึ่งมาตรการนี้จะทำให้การจ่ายยาสมเหตุผลมากขึ้น  และไม่ได้คิดถึงผลกำไรตอบแทน  โรงพยาบาลสามารถเบิกที่ต้นทุนของราคายาที่สั่งซื้อจากบริษัทยา ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบต่อบริษัทยาแต่อย่างใด และในอนาคตหากยาทั้ง 2 กลุ่มนี้มีราคาใกล้เคียงกัน ก็อาจจะให้เบิกจ่ายในระบบเดียวกันได้  

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งว่าประเทศไทยมีนโยบายพัฒนาเป็นศูนย์การแพทย์นานาชาติ หรือ      เมดิคัล ฮับ ทั้งด้านการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก จึงได้เชิญชวนประเทศสมาพันธรัฐสวิสให้มาใช้บริการเมดิคัล ฮับของประเทศไทยด้วย นายแพทย์ประดิษฐ กล่าว