ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แนวหน้า - นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผย่วาโดยองค์การอนามัยโลกรายงานว่าในแต่ละปี ประชากรทั่วโลกป่วยจากโรคอุจจาระร่วง ซึ่งเกิดจากการมีเชื้อโรคปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม ปีละประมาณ 1,700 ล้านราย และโรคนี้ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีทั่วโลก ปีละ 760,000 ราย ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 รองจากโรคปอดบวมด้วย ในส่วนของประเทศไทย ข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาในปี 2557 ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงมีนาคม ทั่วประเทศมีรายงานผู้ป่วย 253,967 ราย เสียชีวิต 2 รายเมื่อเทียบกับปี 2556 ในช่วงเดียวกัน พบว่าจำนวนผู้ป่วยในปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 ผู้ป่วยเกือบครึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป

ในการป้องกันควบคุมโรคอุจจาระร่วง กระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดควบคุมมาตรฐานโรงงานผลิตน้ำดื่ม รวมทั้งน้ำแข็งให้ได้มาตรฐานจีเอ็มพี มีเครื่องหมายอย. สุ่มตรวจเฝ้าระวังคลอรีนตกค้างปลายท่อน้ำประปาทุกชนิดให้เป็นไปตามมาตรฐานกรมอนามัยคือ0.2-0.5มิลลิกรัม/ลิตร โดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำสะอาด เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้น้ำ และให้เฝ้าระวังโรคอุจจาระร่วงอย่างต่อเนื่อง ให้เข้มข้นพิเศษในช่วงหน้าร้อนนี้ เนื่องจากการบริโภคน้ำและน้ำแข็งสูงกว่าฤดูกาลอื่นๆ

นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า ความสะอาดปลอดภัยของน้ำบริโภค เป็นปัจจัยพื้นฐานสาธารณสุขที่สำคัญ หากน้ำไม่ปลอดภัยจะส่งผลต่อสุขภาพทั้งในระยะเฉียบพลัน หรือก่อให้เกิดการเจ็บป่วยในระยะยาวจากผลกระทบของสารเคมีที่เป็นอันตรายเช่นตะกั่ว ปรอท และสะสมร่างกายโดยไม่รู้ตัวโดยปกติคนเราต้องดื่มน้ำให้ได้วันละ 2-2.5ลิตรต่อคน คาดว่าต่อวันมีการดื่มน้ำประมาณ130 ล้านลิตรกรมอนามัยได้สำรวจและวิเคราะห์คุณภาพน้ำบริโภคในสถานที่สาธารณะต่างๆเช่นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพวัด/ศาสนสถาน ตลาดปั๊มน้ำมันโรงพยาบาลเป็นต้นเพื่อควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยและดำเนินการในพื้นที่เข้าถึงได้ยากถิ่นทุรกันดารพื้นที่ห่างไกลเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงและหาทางเลือกที่เหมาะสมกับประชาชนในพื้นที่อบรมการจัดการน้ำสะอาดพฤติกรรมอนามัยเช่นโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารโรงเรียนพระปริยัติธรรมศูนย์ศึกษาสงเคราะห์ในพื้นที่ชาวเขาโรงเรียนปอเนาะเป็นต้นที่ผ่านมาพบได้ตามเกณฑ์มาตรฐานผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2552พบว่า คนไทยมีน้ำดื่มและน้ำใช้มาจากแหล่งน้ำหลัก4ประเภท คือ น้ำดื่มบรรจุขวด น้ำฝนน้ำประปา และน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น น้ำบ่อ-บาดาล น้ำจากแม่น้ำลำคลองเป็นต้น โดยน้ำที่ครัวเรือนไทยใช้ดื่มมากที่สุดคือ น้ำฝน ร้อยละ35รองลงมาคือ น้ำดื่มบรรจุขวด ร้อยละ 32และน้ำประปาร้อยละ 24ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กรมอนามัยทำการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: http://www.naewna.com