ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ. รณรงค์คนไทยร่วมกันงดดื่ม งดอุดหนุนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องวันงดดื่มสุราชาติ เพื่อสุขภาพ และความปลอดภัยสังคม โดยปีนี้ประธานคสช. ได้ให้คำขวัญว่า “พัฒนาคนสู่อนาคต ละลดเป็นทาสสุรา” พร้อมเชิญชวนชาวไทยทั่วประเทศ ทำความดี งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดตลอดช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา เผยในปี 2556 พบสาเหตุอุบัติเหตุจราจรเกิดจากเมาสุราถึงร้อยละ 43

วันนี้ (12 กรกฎาคม 2557) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันเข้าพรรษาทุกปี รัฐบาลไทยกำหนดให้เป็นวัน งดดื่มสุราชาติ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนไทยหยุดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ป้องกันไม่ให้แอลกอฮอล์เข้าไปทำลายอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย ทำให้เกิดโรคภัยตามมาหลายโรคอาทิ โรคมะเร็งตับ โรคตับแข็ง โรคเบาหวาน และลดผลกระทบทางสังคม โดยเฉพาะความรุนแรงต่างๆ เช่นอุบัติเหตุจราจร การทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย โดยในวันงดดื่มสุราชาติปีนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้คำขวัญในการรณรงค์งดดื่มสุราว่า “พัฒนาคนสู่อนาคต ละลดเป็นทาสสุรา” จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนและเยาวชนไทย ร่วมกันไม่อุดหนุนน้ำเมา และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในวันพระใหญ่ ซึ่งใน 1 ปี มีเพียง 4 วันเท่านั้นคือ วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา และวันเข้าพรรษา ขอให้ใช้โอกาสนี้ เข้าวัดทำบุญเพื่อสร้างกุศล สร้างสมาธิ จะส่งผลให้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดียิ่งขึ้น

นพ.ณรงค์กล่าวว่า การงดดื่มสุรา เป็นการสร้างความรัก สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทรัพย์ สุขภาพ เกียรติยศ ศักดิ์ศรี และสติปัญญา ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายงดเหล้า จัดโครงการเชิญชวนชาวไทยทุกคนร่วมกันทำความดี ด้วยการงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ตลอดช่วงเทศกาลเข้าพรรษา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันออกพรรษา คือวันที่ 8 ตุลาคม 2557 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา โดยประชาชนทุกคนสามารถร่วมลงนามปฏิญาณตนเข้าพรรษา งดสุรา ยาสูบ ทำความดีถวายในหลวง ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ที่หน่วยงานราชการ ศาสนสถาน สถานศึกษา และโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะทำการรวบรวมรายชื่อทั้งหมดขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป

ทางด้านนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข้อมูลศูนย์วิจัยปัญหาสุรา สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย ล่าสุดปี 2554 พบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวน16 ล้านกว่าคน หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของประชากรวัยนี้ เริ่มดื่มอายุเฉลี่ย 20.4 ปี ชายเริ่มดื่มที่อายุเฉลี่ย 19.4 ปี หญิงเริ่มดื่มอายุ 24.5 ปี โดยมีจำนวนกว่า 7.5 ล้านคนหรือเกือบครึ่งของผู้ดื่ม เป็นผู้ดื่มประจำ

นพ.โสภณกล่าวต่อว่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการดื่มของเยาวชน เช่น อิทธิพลจากการโฆษณา กระตุ้นให้เยาวชนอยากรู้อยากลอง รวมทั้งสถานการณ์ในครอบครัว การชักชวนของเพื่อน การเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่าย เป็นต้น นอกจากนี้จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ในกลุ่มผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ที่ไปรับการรักษาในโรงพยาบาลศูนย์ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 33 แห่งทั่วประเทศโดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค

พบว่าการเมาสุราเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุถึงร้อยละ 43 และจากการศึกษาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ปี 2556 ของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ร้อยละ 71 ตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด และร้อยละ 60 ตรวจพบว่ามีระดับแอลกอฮอล์เกินระดับที่กฎหมายกำหนด คือเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ที่น่าเป็นห่วงคือ มีเยาวชนอายุน้อยกว่า 20 ปี ที่เสียชีวิต ร้อยละ 56 ดื่มสุราก่อนเสียชีวิต และมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเฉลี่ยถึง 139 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น หากประชาชนไทยไม่ตกเป็นทาสน้ำเมาต่างๆ เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาอุบัติเหตุจราจรของไทยลดลงด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในวันพระใหญ่ 4 วัน ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2552 เป็นต้นมา แต่ที่ผ่านมายังพบว่ายังมีการลักลอบขาย โดยในเทศกาลวันวิสาขบูชาซึ่งตรงกับ 13 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ร่วมกับตำรวจออกตรวจทั้งหมด 114 ร้าน พบผู้กระทำความผิด ขายเหล้าดำเนินคดีกล่าวโทษ 8 ราย ซึ่งในวันเข้าพรรษาวันนี้ กรมควบคุมโรค ได้จัดทีมเฉพาะกิจออกตรวจเข้มการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่อง หากพบมีการฝ่าฝืนกฎหมายจะดำเนินคดีอย่างไม่ละเว้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ประชาชนที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โทร 02 590 3392 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422