ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ. ชูไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพภูมิภาค หนุนการพัฒนาระบบสุขภาพโลก จับมือ 3 หน่วยงานจัดประชุมวิชาการนานาชาติ เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสทั่วโลกกว่า 500 คน ร่วมหารือเพื่อสร้างเครือข่ายการพัฒนาระบบการป้องกัน รักษา ลดป่วยและเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส

วันนี้ (5 พฤศจิกายน 2557) ที่โรงแรมพูลแมน บางกอก คิงพาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการแพทย์นานาชาติด้านไวรัสวิทยาประจำปี 2557 (International Congress on Medical Virology 2014 : ICMV2014) ซึ่งปีนี้เน้นที่โรคติดเชื้อไวรัสไร้พรมแดน (Viral diseases without borders) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 พฤศจิกายน 2557 เป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมไวรัสวิทยา (ประเทศไทย) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สมาคมชีวนิรภัย และหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข ประกอบด้วยกรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มีผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุมประมาณ 500 คน

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสทวีความรุนแรงมากขึ้น และเป็นอันตรายต่อชีวิต จนได้รับการยกระดับให้เป็นปัญหาของประชากรโลก เช่น ไวรัสอีโบลา โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) โรคเอดส์ เป็นต้น ส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ นักวิจัย และผู้เกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วน ตื่นตัวในการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาวิทยาการด้านการวินิจฉัย การป้องกัน และรักษาโรคมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ได้รับการยอมรับในด้านวิชาการ งานวิจัย และความรู้ด้านไวรัสวิทยาการแพทย์ สามารถคิดค้นนวัตกรรมโดยได้รับการยอมรับจากเวทีโลก และใช้แก้ไขปัญหาการระบาดของโรคต่างๆ ได้ ล่าสุดนี้คือโรคอีโบลาที่กำลังแพร่ระบาดในอาฟริกาตะวันตก ข้อมูลเมื่อ 29 ตุลาคม 2557 มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 4,951 ราย ป่วย 13,567 ราย ทีมนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สามารถวิจัยและผลิตแอนติบอดี้เพื่อนำไปพัฒนาเป็นวัคซีนรักษาโรคนี้ต่อไป

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวต่อว่า นโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข คือการจัดการโรคติดต่อและภัยคุกคามด้านสุขภาพ เน้นเรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการเฝ้าระวัง และสอบสวนโรค และภัยคุกคามด้านสุขภาพอื่นๆ เสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมจากท้องถิ่นและชุมชน เร่งรัดและดำเนินการให้เกิดความยั่งยืนในการกำจัด กวาดล้าง และควบคุมโรคติดต่อที่ป้องกันได้ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที มีระบบการเฝ้าระวังโรคที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพโลก (Global Health) ซึ่งเน้นเรื่องการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพของภูมิภาคอย่างยั่งยืน

การประชุมในวันนี้ จะเป็นการสร้างเครือข่ายนักไวรัสวิทยา เพื่อพัฒนาการวิจัย การศึกษา และการบริการวิชาการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งเป็นภารกิจตามนโยบายรัฐบาล ที่จะพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub) และเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ซึ่งไทยมีความพร้อมหลายประการ เช่นการมีองค์ความรู้ทางวิชาการ การเดินทางสะดวกทุกช่องทาง สถานที่พักมีคุณภาพและปริมาณเพียงพอ มีแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงระดับโลก มีระบบความมั่นคงและปลอดภัยที่มีเสถียรภาพ มีความพร้อมของหน่วยงานหรือสมาคมที่เป็นเจ้าภาพ สถานที่จัดประชุม มีการสนับสนุนที่จริงจังจากรัฐบาล ตลอดจนมีประสบการณ์ในการจัดการประชุมนานาชาติในอดีต