ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ไวรัสอู่ฮั่นเครียดขึ้นหลังองค์การอนามัยโลกประกาศเป็น "ภาวะฉุกเฉินร้ายแรง" สำนักข่าวต่างประเทศพบผู้ป่วยนอนเสียชีวิตบนถนน - โรงพยาบาลล้น ทำหลายชาติเร่งออกคำเตือนห้ามเดินทางเข้าประเทศ ส่วนการบินไทย ยังบินจีนปกติ

หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นภาวะฉุกเฉิน รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ออกคำเตือนพลเมืองสหรัฐอเมริกา อ้างอิงประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพขององค์การอนามัยโลก ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปจีน

“ผู้เดินทางไปจีนควรเตรียมพร้อมสำหรับข้อจำกัด อาจมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับ ‘ข้อห้าม’ – ‘ข้อจำกัด’ ในการเดินทางไปจีน โดยมีการเตือนล่วงหน้าในเวลากระชั้นชิดเท่านั้น” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาออกคำเตือนระดับ 4 โดยจัดจีนให้เป็นประเทศที่ “ควรหลีกเลี่ยง” เช่นเดียวกับอัฟกานิสถาน และอิรัก

นอกจากนี้ ยังระบุว่า ใครก็แล้วแต่ที่ยังอยู่ในจีน ควรเดินทางออกนอกประเทศโดยสายการบินพาณิชย์ และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่เกี่ยวข้อง หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าประเทศจีน

ขณะเดียวกัน สถานทูตสหรัฐอเมริกาในปักกิ่ง ได้ประกาศยกเลิกนัดหมายการทำวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาทั้งหมดในสัปดาห์หน้า โดยยังไม่มีกำหนดการว่าจะอนุญาตวีซ่าอีกครั้งเมื่อไหร่ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีก็ออกคำสั่งเตือนพลเมืองของตัวเองเช่นกัน โดยขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าจีนออกไป หากไม่มีเหตุจำเป็น

นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ก็แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเตือนให้ประชากร หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศจีน

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่ารัฐบาลอิตาลี ได้ประกาศยุติการเดินทางทางอากาศระหว่างอิตาลีกับจีนทั้งหมด หลังพบรายงานผู้ป่วยด้วยโรคโคโรนาไวรัส 2019 2 ราย ขณะที่สายการบินระดับโลก อาทิ แอร์ฟรานซ์ ของประเทศฝรั่งเศส เคแอลเอ็ม ของเนเธอร์แลนด์ บริติชแอร์เวย์ส ลุฟธันซา และเวอร์จินแอตแลนติค ได้ยกเลิกไฟลท์ที่เดินทางเข้าจีนทั้งหมด ส่วนสายการบินอื่น ๆ ได้ลดจำนวนเที่ยวบินลงจากความหวาดกลัวโรคโคโรนาไวรัส

อย่างไรก็ตาม การบินไทย ยังคงบินไปยังเมืองต่าง ๆ ของจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉิงตู ปักกิ่ง

ความหวาดระแวงจากประชาคมโลก เริ่มขยายตัวหลังจำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เริ่มขยายเป็นวงกว้างทั่วประเทศ โดยมณฑลอื่น อาทิ มณฑลเจ้อเจียง 537 ราย มณฑลกวางตุ้ง มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 393 ราย เหอหนาน 277 ราย เมืองฉงชิ่งเมืองเดียว มีผู้ติดเชื้อ 202 รายโดยวันที่ 31 ม.ค. ถือเป็นวันที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ถึง 43 ราย โดยตัวเลขล่าสุด ตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ที่ 213 รายแล้ว

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับมาตรการจัดการผู้ติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นของจีน โดยสำนักข่าว AFP ของฝรั่งเศสได้เผยแพร่ภาพผู้ติดเชื้อไวรัสนอนเสียชีวิตอยู่บนถนนของเมืองอู่ฮั่น โดยมีเจ้าหน้าที่จีนใส่ชุดป้องกันเชื้อโรคคุมเข้มไม่ให้ชาวจีนเข้าใกล้ ก่อนที่จะนำศพของชายคนดังกล่าวขึ้นรถไป โดยไม่ทราบจุดหมายปลายทาง สร้างความหวาดกลัวให้ชาวจีนในอู่ฮั่นเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ จุดที่พบศพของชายดังกล่าว ห่างไปเพียง 1 บล็อก จากโรงพยาบาลอู่ฮั่นหมายเลข 6 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักแห่งหนึ่งในการจัดการผู้ติดเชื้อไวรัส และในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงที่สำนักข่าว AFP สังเกตการณ์พื้นที่ดังกล่าว มีรถพยาบาลมากกว่า 15 คัน วิ่งผ่านจุดนี้

รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ The Guardian รายงานว่า จีนเริ่มจะจัดการผู้ติดเชื้อไวรัสในอู่ฮั่นไม่อยู่ โดยจำนวนผู้ป่วยนั้นมีมากเกินกว่าโรงพยาบาลจะรับมือ โดยข้อมูลที่หลายประเทศได้รับนั้น น่ากังวลกว่าสถานการณ์ที่รัฐบาลจีนแถลงมาก จึงได้เริ่มมีปฏิบัติการพาคนต่างชาติออกจากประเทศโดยด่วน

ขณะที่ หัว ชุนหยิง รมว.ต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนได้เตรียมจัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อรับชาวอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ซึ่งตกค้างอยู่ในต่างประเทศกลับมายังมณฑลหูเป่ย โดยจะจัดการเที่ยวบินให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนจีน ได้เริ่มต้นจัดหาเที่ยวบินพิเศษ 2 เที่ยวแล้ว ในวันศุกร์ที่ 31 ม.ค. โดยใช้บริการของสายการบิน “เซียะเหมินแอร์” รับชาวอู่ฮั่นที่ติดค้างอยู่ในกรุงเทพ และโคตา คินาบาลู ประเทศมาเลเซีย บินกลับมายังอู่ฮั่น

นอกจากนี้ รมว.ต่างประเทศจีน ยังกล่าวอีกว่า ได้ใช้มาตรการป้องกันและควบคุมที่เข้มงวดที่สุดแล้ว และยังคงมั่นใจว่าจีนจะสามารถจัดการกับเชื้อไวรัสนี้ได้ รวมถึงจะได้รับชัยชนะในที่สุด

อ้างอิงจาก

1.U.S. warns citizens against travel to China as virus toll tops 200 [www.reuters.com]

2.A man lies dead in the street: the image that captures the Wuhan coronavirus crisis [www.theguardian.com]

3.Coronavirus: China starts repatriating people to Wuhan as death toll hits 213, with 43 fatalities in country’s worst day yet [www.scmp.com]