ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประธานบอร์ด อภ.เผยหน้ากาก N95 เข้าไทย 10 เม.ย.นี้ จำนวน 2 แสนชิ้น ก่อนทยอยส่งตลอดทั้งเดือนรวมทั้งสิ้น 860,000 ชิ้น ขณะที่ชุด PPE ทยอยเข้าไทย ด้านอภ.เตรียมหารือสมาคมสิ่งทอเตรียมผลิตชุดเอง

วันที่ 8 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.)กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการควบคุม ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ว่า ในส่วนของหน้ากากอนามัย N95 นั้น ก่อนหน้านี้ประเทศไทยได้สั่งซื้อจากบริษัท 3M จำนวน 400,000 ชิ้น ส่งให้ไทยแล้ว 60,000 ชิ้น ล่าสุดในวันที่ 10 เม.ย.จะส่งให้ อภ. 200,000 ชิ้น ส่วนภายในวันที่ 15 เม.ย.บริษัทสยาม โคเค็น จำกัด จะส่งให้ อภ.อีก 100,000 ชิ้น และวันที่ 30 เม.ย.อีก 160,000 ชิ้น ขณะเดียวกันวันที่ 27 เม.ย.ที่สั่งจากจีนก็จะมาถึงเช่นเดียวกัน จำนวน 400,000 ชิ้น ดังนั้น ในเดือนเม.ย.นี้ไทยจะมีสต็อกหน้ากาก N95 ประมาณ 860,000 ชิ้น

“ทั้งนี้ ตามแผนประมาณการณ์ความต้องการที่เราต้องหามาให้ได้ประมาณ 2,000,000 ชิ้น สำหรับ 3-4 เดือน อย่างไรก็ตาม กรณีของสยามโคเค็นนั้น เนื่องจากต้องใช้วัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตประมาณ 600,000 ชิ้น เมื่อผลิตแล้วต้องส่งให้กับทางประเทศญี่ปุ่น และแบ่งให้ไทยเพียง 100,000 ชิ้นเท่านั้น แต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เจรจาจนได้รับการจัดสรรให้ไทย 40% ของการผลิต แต่ตอนนี้ยังพยายามต่อรองเพื่อให้ได้ 50% ของการผลิตให้ไทย หากได้มาก็จะทำให้เรามีสต็อกหน้ากาก N95 เพิ่มขึ้น” ประธานบอร์ด อภ.กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ส่วนชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ประเทศไทย ต้องสั่งจากเวียดนาม ซึ่งเป็นบริษัทของสหรัฐอเมริกา จำนวน 350,000 ชุด ส่งมาให้แล้วเมื่อเดือนมี.ค.ประมาณ 100,000 ชุด ภายใน 10 เม.ย.นี้ จะส่งมาอีก 40,000 ชุด และสิ้นเดือน เม.ย.อีก 110,000 ชิ้น เดือน พ.ค.จะเข้ามาอีก 100,000 ชุด จากที่สั่งไป 400,000 ชุด อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เราต้องหาทางพึ่งพาตัวเองด้วย จึงได้มีการหารือร่วมกับสมาคมสิ่งทอไทยในการผลิตชุด PPE ใช้เอง โดยจะมีการใช้ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% เคลือบเทปลอน ซึ่งได้รับรายงานว่ามีผ้าในสต็อกที่สามารถตัดเย็บได้ 40,000 ชุด อยู่ระหว่างตัดชุดต้นแบบเพื่อทดสอบคุณภาพความทนต่อแรงดันน้ำ ตะเข็บเย็บต้องไม่รั่วและทนต่อแรงดันน้ำเช่นกัน และเนื่องจากเป็นผ้า จึงสามารถนำมาฆ่าเชื้อกลับมาใช้ซ้ำได้ ตรงนี้อยู่ระหว่างการทดสอบของ รพ.ศิริราช และสถาบันบำราศนราดูร เบื้องต้นพบใช้ซ้ำได้ 20 ครั้ง แล้วทดสอบว่ายังสามารถทนต่อแรงดันน้ำได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญสุดอยู่ที่หน้ากาก N95

ทั้งนี้ ชุดที่ตัดขึ้น หากผ่านการทดสอบคุณภาพ และการใช้ซ้ำแล้วจะทำให้เรามีชุดป้องกันถึง 800,000 ชุด ซึ่งจะนำมาใช้กับภารกิจดูแลผู้ป่วยที่ไม่ใช่ผู้ป่วยหนักต้องใส่เครื่องช่วยหายใจแต่ย่างใด เพราะการดูแลผู้ป่วยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจจะต้องใช้ชุด PPE ที่เราสต็อกไว้เช่นเดิม.