ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

วันที่ 25 เม.ย. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ( สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการร้องเรียนว่า สถานพยาบาลเอกชนบางแห่งยังดำเนินการไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ กรณีการจัดตั้งจุดบริการตรวจโรคโควิด-19 ในพื้นที่สาธารณะอย่างหน้าห้างสรรพสินค้า หรือปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งมีประชาชนสัญจรอย่างพลุกพล่าน ทำให้เกิดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรคหากผู้ป่วยโรคโควิด-19 เดินทางออกมารับบริการก็อาจจะเกิดการแพร่กระจายของเชื้อระหว่างการเดินทางได้ ส่งผลให้หน่วยบริการตรวจคัดกรองฯ ที่ควรเป็นด่านหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคกลับกลายเป็นจุดแพร่กระจายเชื้อ อีกทั้งอาจจะส่งผลให้การเก็บสิ่งส่งตรวจไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

นพ.ธเรศ กล่าวว่า สบส.ขอย้ำให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง หากจะออกให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อโควิด 19 จะต้องดำเนินการ ณ ที่พัก หรือสถานที่กักกันเท่านั้น ห้ามตั้งจุดในพื้นที่สาธารณะ หรือแหล่งชุมชนที่มีการสัญจรพลุกพล่านโดยเด็ดขาด หากกรม สบส.หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ตรวจพบจะดำเนินการเอาผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ทันที

“ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามีความผิดในฐานไม่ควบคุมและดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพของตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากตรวจพบว่าผู้ให้บริการมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพระราชบัญญัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พ.ศ.2547 ฐานประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นพ.ธเรศ กล่าว

ภาพจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ