ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“หมอสุระ” เผยผลประชุมกรอบแนวทางบรรจุข้าราชการสู้โควิดรอบใหม่ รอรวบรวมตัวเลข 3 กลุ่มภารกิจใหม่เหตุพบจำนวนเพิ่มมากกว่า 3.8 หมื่นอัตรา คาดแล้วเสร็จภายใน ก.ย. นี้ จากนั้นส่ง อ.ก.พ.สธ.พิจารณาก่อนเสนอ ก.พ.กลั่นกรอง  ย้ำ! รอบนี้มีมากกว่า 24 สายงาน ส่วนกลุ่มตกหล่นบรรจุรอบที่แล้ว อยู่ในการพิจารณาครั้งนี้แล้ว

ตามที่กระทรวงสาธารณสุข ขยายการบรรจุข้าราชการปฏิบัติงานโควิดรอบใหม่จำนวน 3.8 หมื่นอัตรา เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และมีการประชุมเพื่อจัดวางแนวทางการบรรจุใหม่ในวันที่ 17 ก.ย. แต่ล่าสุดได้มีการเลื่อนประชุมเป็นวันที่ 16 ก.ย.2564 นั้น

(ข่าวเกี่ยวข้อง : รอลุ้น! 17 ก.ย.นี้ พิจารณากรอบหลักเกณฑ์การบรรจุข้าราชการโควิดรอบใหม่ 3.8 หมื่นคน)

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 ก.ย.2564 นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ประชุมหารือพิจารณาแนวทางการจัดสรรการบรรจุข้าราชการที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับโควิดรอบใหม่ หลังจากมีการบรรจุไปแล้วเมื่อปี 2563 โดยเป็นการประชุมร่วมกับกรมต่างๆในสังกัดกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาเวลา 16.15 น. นพ.สุระ ให้สัมภาษณ์ Hfocus ภายหลังการประชุมว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกสายงานต้องทำงานหนัก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข จึงได้มอบหมายให้ดำเนินการเรื่องการเพิ่มขวัญกำลังใจบุคลากรสาธารณสุขทุกวิชาชีพ โดยการเสนอขอตำแหน่งบรรจุข้าราชการโควิด 38,000 อัตรา รอบ 2 เพื่อบรรจุบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในภารกิจโควิด 19 ซึ่งวันนี้(16 ก.ย.) ได้มีการประชุมหารือกับกรมต่างๆในกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการบรรจุข้าราชการรอบใหม่ในสังกัดทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

“จากการประชุมหารือพบว่า ต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเลขเสนอต่อ ก.พ.อีกครั้ง เนื่องจากกลุ่มของสายงานที่ปฏิบัติงานตามกรมต่างๆมีการปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะสายงานหลัก ทำให้ตัวเลขที่จะเสนอ ก.พ. จาก 38,000 อัตรา ต้องเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ตัวเลขเท่าไหร่ขอเวลาในการรวบรวมภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จากนั้นเมื่อได้รับตัวเลขมาใหม่ พร้อมแนวทางการจัดสรรจะต้องเสนอต่อที่ประชุม อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุขก่อนที่จะเสนอให้กับทาง ก.พ.พิจารณาต่อไป” นพ.สุระ กล่าว

นพ.สุระ กล่าวว่า สำหรับกรอบการจัดสรรครั้งนี้ได้ปรับเปลี่ยนสายงานตามภารกิจ 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มภารกิจหลัก ซึ่งรวมทั้งผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า 2.ภารกิจสนับสนุนวิชาการ และ3.ภารกิจสนับสนุนบริหาร โดยทั้งหมดจะมีการตรวจสอบจำนวน คุณวุฒิ หลักเกณฑ์ ภารกิจที่ปฏิบัติงาน และการจ้างงานให้ตรงกัน ก่อนเสนอ อ.ก.พ.สธ.

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีภารกิจหลัก หมายถึงต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าเท่านั้นหรือไม่ นพ.สุระ กล่าวว่า จะมีเกณฑ์รายละเอียดออกมาอีกครั้ง แต่ภารกิจหลัก จะมีทั้งด่านหน้า ตรวจแล็บ สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย หรือเสี่ยงรับเชื้อ เป็นต้น ส่วนแบคออฟฟิศก็จะอยู่ในการพิจารณา ซึ่งอยู่ในส่วนภารกิจสนับสนุนบริหาร อย่างไรก็ตาม ขอให้รอการรวบรวมตัวเลขอีกครั้ง เพราะตัวเลขครั้งใหม่จะมากกว่า 3.8 หมื่นอัตรา จึงต้องมีการจัดทำข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน

“ขณะนี้ได้มอบให้ทางส่วนภูมิภาค แต่ละกรมส่งจำนวนบุคลากรผู้ปฏิบัติงานตามภารกิจที่กำหนดให้ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จากนั้นจะนำเสนอต่อที่ประชุม อ.ก.พ.สธ.เห็นชอบ ก่อนจะเสนอ ก.พ. พิจารณา และตามขั้นตอนหากแล้วเสร็จต้องเสนอที่ประชุม ครม.ต่อไป” รองปลัด สธ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ครั้งนี้ยังกำหนด 24 สายงานตามเดิมหรือไม่ นพ.สุระ กล่าวว่า มากกว่าเดิม แต่ขอรวมสายงานก่อน ซึ่งเมื่อรวบรวมตัวเลขแล้ว รายละเอียดต่างๆจะเสนอต่อ อ.ก.พ.สธ.ทั้งหมด รวมทั้งกลุ่มตกค้างจากการบรรจุครั้งก่อนก็จะรวมอยู่ในการบรรจุรอบนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนกลุ่มจ้างเหมาจะมีการพิจารณาเรื่องคุณวุฒิต่างๆว่า จะดำเนินการอย่างไร

ข่าวเกี่ยวข้อง : พยาบาลร้องขอบรรจุขรก.เพิ่มเติม ขณะที่สธ.แจงรายละเอียด

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org