ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"อนุทิน-สาธิต” ร่วมผู้บริหารเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ พร้อมมอบรางวัลหมอไทยดีเด่นปี 2566  “พ่อหมอบุญมา มุงเพีย” หมอ 10 บาทรักษาทุกโรค จ.สกลนคร  ตั้งเป้าบริโภคสมุนไพรในประเทศเพิ่มขึ้น 9 หมื่นล้านบาท และเป็น 1 ใน 3 ของเอเชียภายในปี 2570

 

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ฮอลล์ 11-12 อาคารอิมแพค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วย สธ. พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง สมาชิกวุฒิสภา นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และคณะผู้บริหาร เปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 20 "สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจไทย" พร้อมมอบรางวัล หมอไทยดีเด่นแห่งชาติปี 2566 ได้แก่พ่อหมอบุญมา มุงเพีย หมอ 10 บาทรักษาทุกโรค จ.สกลนคร และนายประวิทย์ แก้วทอง จ.สงขลา เจ้าของแนวคิดหมอไม่หวงวิชา สอนให้ใครก็ได้ ลูกหลานใครก็ได้ที่สนใจ ถ้าไม่ให้วิชาก็จะตายไปกับตัว ถ้าให้เด็กก็จะได้สานต่อช่วยคนอีกเป็นหมื่นเป็นแสน รวมถึงมอบรางวัลพื้นที่ต้นแบบดีเด่นแห่งชาติด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกปี 2566 จำนวน 5 รางวัลและรางวัลพื้นที่ต้นแบบดีเด่นชมรมผู้สูงอายุด้านการแพทย์แผนไทย 3 รางวัล

 

นายอนุทิน กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมสมุนไพรฯ ทำให้เห็นพัฒนาการและความสำคัญด้านสุขภาพและเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ของวงการสมุนไพรไทย โดยเฉพาะคำว่า "ภูมิปัญญาไทย" เป็นคำที่ควรถูกให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะหมายความว่าเป็นสิ่งที่มีในเมืองไทยเท่านั้น เป็นสิ่งที่ตกทอด เผยแพร่และต่อยอดได้ เป็นคำที่มีศักยภาพและอนาคต เมื่อคำนึงถึงวิสัยทัศน์ของไทยที่ต้องการเป็นศูนย์กลางทางสุขภาพของโลก (Health of the world) ภูมิปัญญาไทยจัดเป็นคำที่ทำให้เกิดเอกลักษณ์และความเป็นผู้นำด้านสุขภาพได้ จึงควรได้รับการเน้นย้ำเป็นพิเศษ ล่าสุด สิ่งที่ทำให้เห็นเป็นรูปธรรม คือ การรักษาโรคโควิด 19 ด้วยฟ้าทะลายโจร การเสริมสร้างสุขภาพด้วยสมุนไพรกัญชา

 

"ถ้าไม่ได้ถูกรักษาไว้ในฐานะภูมิปัญญาไทยก็จะหายไป ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญในการรักษาและต่อยอดองค์ความรู้ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาไทย สมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย" นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวว่า การจัดงานมหกรรมสมุนไพรฯ มีการพัฒนาจนครอบคลุมครบทุกองค์ประกอบของการขับเคลื่อนวงการสมุนไพรไทย มุ่งเน้นพัฒนาและส่งเสริมการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์ทางเลือก และสมุนไพร มีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้บริการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย และมีเวทีขับเคลื่อน เป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของไทย สร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะของแพทย์แผนไทยและความมั่นคงในระบบสุขภาพ ปกป้องคุ้มครองภูมิปัญญาไม่ให้สูญหาย ประสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ถือเป็นบทบาทสำคัญในการเตรียมพร้อมการเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สามารถยกระดับความสามารถการแข่งขันของไทย มีเป้าหมายคือการบริโภคสมุนไพรในประเทศเพิ่มขึ้น 9 หมื่นล้านบาท และเป็น 1 ใน 3 ของเอเชียภายในปี 2570

 

"ถือว่าเรามาถูกทางแล้ว โอกาสของสมุนไพรไทยเปิดกว้างสอดคล้องกับความต้องการของโลกยุคใหม่ ที่ต้องการกลับสู่สมดุลของการดูแลสุขภาพอย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน และยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก" นายอนุทินกล่าว

 

นายอนุทินกล่าวว่า การจัดงานมีปีมากกว่า 230 องค์กรเข้าร่วมจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. - 2 ก.ค. 2566 ที่อิมแพคฮอลล์ 11-12  มีการประชุมวิชาการแต่ละห้อง ที่สามารถเลือกประเด็นที่ตัวเองสนใจและเข้าไปร่วมรับฟังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย งานนี้เป็นงานหลักของ สธ.ในทุกปี ที่ผ่านมามีเรื่องโควิด 19 ก็ยังได้รับคำสนใจจากประชาชน ตอนนี้ค่อนข้างที่จะสะดวกมากขึ้น ข้อจำกัด ข้อห้าม และมาตราการต่างๆถูกยกเลิกไปแล้ว คาดว่าจะมีผู้ให้ความสนใจมาเที่ยวชมงานเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม สามารถจับจ่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำให้สมุนไพร ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย นำไปใช้เพื่อประโยชน์สุขภาพของตนเองและครอบครัว

(ข่าวเกี่ยวข้อง : อภัยภูเบศรเปิดสูตรแพทย์แผนไทยลด “ลองโควิด”  และแจกสมุนไพรฟรี! ช่วยระบบทางเดินหายใจ)