ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สมาคมวิชาชีพเกี่ยวกับสุขภาพเด็กและเยาวชน ส่งสารต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้ตระหนัก เร่งแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทย  ชี้ต้องคงไว้ซึ่งกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า และเร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะบนสื่อออนไลน์ที่กำลังเป็นปัญหาในปัจจุบัน อย่างเข้มงวด จริงจัง  เพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนไทย

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2566 ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง ประสบการณ์ของประเทศนิวซีแลนด์ที่สามารถควบคุมการสูบบุหรี่ทุกประเภทได้ดี จนเมื่อปี2561 ได้ยกเลิกการห้ามบุหรี่ไฟฟ้า ผลที่ตามมาทำให้เยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำทุกวันเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า จากร้อยละ 1.8 เป็นร้อยละ 9.6 ในปี 2564 ดังนั้นประเทศไทยควรคงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทยน่าเป็นห่วง โดยมีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าบนสื่อออนไลน์จำนวนมาก 

“จากรายงานการเฝ้าระวังตลาดบุหรี่ไฟฟ้าบนอินเทอร์เน็ต ปี 2566 พบมีผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และเว็บอีคอมเมิร์ซ 480 บัญชี กระจายอยู่ใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งโพสต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าบนอินสตาแกรมมากที่สุด ร้อยละ 27 รองมาคือ เฟซบุ๊ก ร้อยละ 26 ทวิตเตอร์ ร้อยละ 20 เว็บไซต์ ร้อยละ 14 ไลน์ ร้อยละ 7 และช้อปปี้ ร้อยละ 6 ทั้งนี้ เห็นได้ว่าการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้ายังหย่อนยานอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้เด็กและเยาวชนสามรถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว

ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารประสาทวิทยา (ประเทศไทย) ได้ประกาศแถลงจุดยืน เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ดังนี้ 

  1. ขอให้คงกฎหมาย ห้ามนำเข้า ห้ามลักลอบซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า 
  2. เข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายทุกระดับ ตั้งแต่การเฝ้าระวัง สำรวจ จับการขายในทุกรูปแบบรวมทั้งการขายออนไลน์ และระงับการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า 
  3. เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็กและเยาวชนโดยเร็วที่สุด และส่งเสริมกระจายความรู้ในวงกว้าง 
  4. ผู้ปกครองและครูอาจารย์ ควรหมั่นสอดส่องดูแลบุตรหลาน นักเรียน และนิสิตนักศึกษา เพื่อตักเตือนถึงโทษภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงเป็นตัวอย่างที่ดีโดยการไม่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า 
  5. เข้มงวดกับมาตรการให้สถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เฝ้าระวังการเข้าถึง และการใช้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน

ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ขอขอบคุณสมาคมวิชาชีพเกี่ยวกับสุขภาพเด็กและเยาวชน ที่ส่งสารต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้ตระหนักและเร่งแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทย ซึ่งต้องคงไว้ซึ่งกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ขณะเดียวกันต้องเร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะบนสื่อออนไลน์ที่กำลังเป็นปัญหาในปัจจุบัน อย่างเข้มงวดและจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนไทย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : งานวิจัยล่าสุดชี้ วัยรุ่นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะใช้เวลา 5 นาทีโดยเฉลี่ย "สูบบุหรี่หลังตื่นนอน" ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของการสูบบุหรี่แบบมวน

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org