ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ทันตแพทยสภา ตั้งเป้า “คลินิกทันตกรรม 1,000 แห่ง” เข้าร่วม “30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรปชช.ใบเดียว” ดูแลผู้ป่วยบัตรทองเข้าถึงบริการทันตกรรมเพิ่ม   

วันที่ 13 มีนาคม 2567 ทพ.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล อุปนายกทันตแพทยสภา คนที่ 1 กล่าวถึงภาพรวมของคลินิกทันตกรรมเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวว่า ปัจจุบันโครงการกำลังเข้าสู่การขยายพื้นที่จังหวัดนำร่องในระยะที่ 2 ซึ่งก็มีคลินิกทันตกรรมเอกชนสมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบบัตรทองเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และไม่เฉพาะแค่จังหวัดนำร่องในระยะที่ 2 เท่านั้น แต่ทันตแพทย์หรือคลินิกทันตกรรมเอกชนจากจังหวัดอื่นๆ ก็ได้ติดต่อสอบถามมายังทันตแพทยสภาถึงรายละเอียดและวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการ โดยรวมแล้วถือว่าทันตแพทย์และคลินิกทันตกรรมเอกชนรับรู้และสนใจโครงการนี้มากขึ้น

 

ทพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีคลินิกทันตกรรมเอกชนทั่วประเทศประมาณ 7,000 แห่ง ถ้าหักคลินิกในพื้นที่ กทม.ออก จะเหลือประมาณ 4,000 กว่าแห่ง ในจำนวนนี้ ทันตแพทยสภาตั้งเป้าว่าจะมีคลินิกทันตกรรมเอกชนเข้าร่วมประมาณ 25% หรือประมาณ 1,000 แห่ง 

ทั้งนี้ ในส่วนของคลินิกที่ยังไม่สมัครนั้น ทพ.ธงชัย ประเมินว่าอาจจะมีสาเหตุเพราะไม่มั่นใจว่า สปสช. จะจ่ายเงินจริงหรือไม่ ตรงเวลาหรือไม่ และอีกส่วนคือได้ยินจากเพื่อนๆ ว่า ขั้นตอนการสมัครยุ่งยากทั้งที่จริงแล้ว ถ้าเอกสารครบก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก กลุ่มนี้หากได้ทำความเข้าใจรายละเอียดต่างๆ น่าจะเชิญชวนให้เข้าร่วมได้ และอีกส่วนคือเป็นคลินิกที่มีอัตราค่าบริการที่สูงกว่าที่ สปสช. จ่ายมาก เช่น คลินิกในเมืองหรือจังหวัดใหญ่ๆ ทำให้มีต้นทุนการดำเนินการสูงและไม่เหมาะที่จะร่วมโครงการในอัตราที่ สปสช.จ่าย

ทพ.ธงชัย กล่าวต่อด้วยว่า สำหรับคลินิกทันตกรรมเอกชนที่เข้าร่วมให้บริการผู้มีสิทธิบัตรทองนั้น ทันตแพทยสภาจะสนับสนุนในด้านการอบรมต่างๆ เพราะมองว่าคลินิกเหล่านี้ คือหน่วยบริการปฐมภูมิ ดังนั้น ตามเงื่อนไขที่ สปสช. ให้ผู้มีสิทธิบัตรทองเข้ารับบริการฟรีได้ 3 ครั้ง/ปี ทางทันตแพทยสภาจะไม่มองว่ารับบริการ 3 ครั้งแล้วจบ แต่จะมองไปที่การทำหน้าที่ของหน่วยปฐมภูมิ เช่น การตรวจฟันทุกซี่เพื่อประเมินความเสี่ยงฟันผุ รวมถึงอุดฟัน ขูดหินปูนด้วย จากนั้นผู้รับบริการจะได้ทราบว่ามีฟันกี่ซี่ที่ต้องทำการรักษา ซึ่งจำนวนครั้งที่ สปสช. กำนดไว้ 3 ครั้งอาจไม่สามารถรักษาได้หมด ในครั้งที่ 4, 5 หรือ 6 ก็สามารถไปรับบริการต่อที่โรงพยาบาลรัฐ หรือถ้าสามารถจ่ายได้เองก็รับบริการต่อเนื่องที่คลินิกเลย

“หมายความว่าเราจะเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิดูแลคนไข้ทั้งปากเลย ช่วยวางแผนการรักษาทั้งหมด ไม่ได้ทำแค่ถอนฟันอุดฟันอย่างเดียว นี่คือสิ่งที่ทันตแพทยสภาวางเกณฑ์ไว้และจะทำการอบรมคลินิกที่เข้าร่วมโครงการ ให้เข้าใจแนวคิดของระบบปฐมภูมิและดำเนินการตามแนวทางที่กำหนด” อุปนายกทันตแพทยสภา คนที่ 1 กล่าว