ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

"ยิ่งลักษณ์" ปฏิบัติภารกิจนครนิวยอร์กวันที่ 3 ร่วมงานเลี้ยงโครงการพัฒนาสตรีและเด็กของยูเอ็น ย้ำให้ความสำคัญ "30 บาทรักษาทุกโรค" ให้ทุกเพศทุกวัยได้เข้าถึงการรักษาพยาบาล เผยการส่งเสริมบทบาทผู้หญิงเกิดจากแรงบันดาลใจที่ได้จากการเลี้ยงดูของพ่อแม่จนสำเร็จในธุรกิจและการเมือง ต้องการให้ผู้หญิงทุกคนได้รับโอกาส จึงตั้งกองทุนสตรีขึ้นมา ส่วนเด็กส่งเสริมให้กินนมแม่ ดูแลสุขภาพ-ศึกษาแบบครบวงจร

เมื่อวันที่ 26 ก.ย.เฟซบุ๊ก "Yingluck Shinawatra "ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ภารกิจในการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 67 ระหว่างวันที่ 23 ก.ย.-29 ก.ย. ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ เป็นวันที่ 3 วันที่ 25 ก.ย.2555 เวลา 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองของโครงการ Every Woman Every Child (EWEC) ที่ริเริ่มโดยเลขาธิการสหประชาชาติ ณ Museum of Modern Art พร้อมกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ "การพัฒนาชีวิตสตรีและเด็กโดยการส่งเสริมการพัฒนาด้านสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม" โดยในงานนี้มีผู้นำประเทศที่ร่วมกล่าวสุนทรพจน์ อาทิ Mr.Goodluck Jonathan ประธานาธิบดีไนจีเรีย Dr.Susilo Bambang Yudhoyono ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย Ms.Ellen Johnson Sirleaf ประธานาธิบดีไลบีเรีย Mr.David Cameron นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร Mr.Yoshihiko Noda นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

ในการกล่าวสุนทรพจน์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ชื่นชมการริเริ่มโครงการ Every Woman Every Child โดยเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญร่วมกันในการดำเนินการเพื่อรักษาชีวิตเด็ก และสตรี จำนวน 16 ล้านคน ภายในปี 2558 พร้อมทั้งเชื่อว่า การเข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึง โดยไม่จำกัดเพศและเชื้อชาติ เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของสิทธิมนุษยชนและความมั่นคง ซึ่งการสนับสนุนนโยบายดังกล่าวนี้ จะนำมาซึ่งการบรรลุเป้าหมายการส่งเสริมสตรีได้กว้างขึ้น และมั่นใจว่าเด็กได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ การมีประชากรที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จะช่วยส่งเสริมความพยายามในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ รวมทั้งการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ มีการระบุว่า การพัฒนาคุณภาพและการเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง เป็นนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญที่ได้ดำเนินการในปีแรกของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วน นับตั้งแต่ปี 2545 และครอบคลุมเกือบร้อยละ 99 ของประชากร โดยในปีนี้รัฐบาลได้ขยายโครงการเพื่อให้ครอบคลุม ระบบรักษาพยาบาลฉุกเฉินต่างๆ ซึ่งจะช่วยรักษาชีวิตในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินในสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของการรักษาพยาบาลของแต่ละบุคคล เพื่อให้ประชากรทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชาย หรือเด็ก ได้รับการคุ้มครองดูแลตลอดเวลา

นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมยิ่งขึ้น รัฐบาลได้จัดการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพสำหรับประชาชนทุกคน โดยไม่ถือเชื้อชาติหรือเพศ และขณะนี้เป็นที่น่ายินดีที่เด็กและสตรีทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งการดูแลสุขภาพการตั้งครรภ์ เวชภัณฑ์ที่จำเป็น การส่งเสริมสุขภาพ และบริการวางแผนครอบครัว ในทำนองเดียวกัน สตรีได้รับเชื้อ HIV ยังได้รับการดูแลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจากมารดาไปสู่เด็ก ด้วยการเข้าถึงยาที่จำเป็นต่อการรักษา

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการส่งเสริมบทบาทสตรี โดยมีที่มาและแรงบันดาลใจที่ได้รับอิทธิพลจากการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอน ซึ่งเติบโตมาจากครอบครัวค้าขาย ที่ดำเนินธุรกิจด้านโรงภาพยนตร์เล็กๆ ในภาคเหนือของประเทศไทย มารดาช่วยบิดาขายบัตรชมภาพยนตร์และเก็บค่าจอดรถยนต์ ดังนั้น นับตั้งแต่เด็ก จึงได้รับการสนับสนุนให้เลือกอาชีพด้วยตนเอง และการเป็นผู้หญิงไม่ถือเป็นอุปสรรค ซึ่งมีความโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสเหล่านี้ ซึ่งพัฒนาไปสู่ความสำเร็จในอาชีพการงาน ทั้งในธุรกิจและการเมือง แต่ที่สำคัญที่สุด สิ่งเหล่านี้ได้ให้โอกาสในการสร้างครอบครัวที่มีความสุข และสร้างความแตกต่างในสังคม

อย่างไรก็ตาม ได้ตระหนักอยู่เสมอว่า ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะโชคดี จากประสบการณ์ของตนเอง ทำให้รู้ว่าผู้หญิงทุกคนต้องได้รับโอกาสเช่นเดียวกับที่ตนได้รับ จึงเป็นเหตุผลในการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั่วประเทศ เพื่อให้สตรีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อเปิดโอกาสการสร้างธุรกิจของตนเอง นอกเหนือจากการสร้างงานแล้ว โครงการนี้ยังจะให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษาแก่สตรีที่ได้รับความเดือดร้อน จากการกดขี่และความรุนแรงภายในครอบครัว ส่วนเด็กอยากเห็นพวกเขามีสุขภาพแข็งแรงและสามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ รัฐบาลจึงได้ดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพ และการศึกษาที่เหมาะสมครบวงจรของการพัฒนา เด็กทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนที่จำเป็น และได้รับการดูแลในแต่ละช่วงอายุ นับตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ส่งเสริมการให้นมบุตรจากอกมารดา และได้ห้ามการส่งเสริมการตลาดการทดแทนนมมารดาในโรงพยาบาลของรัฐ เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมยุทธศาสตร์เกลือไอโอดีน เพื่อการพัฒนาทางสมองและร่างกายอย่างสมบูรณ์ของประชาชนไทย

ในตอนท้ายยังได้กล่าวถึงบทบาทในฐานะสตรีและมารดาว่า ไม่มีภารกิจใดสำคัญหรือปรารถนาไปกว่าการคุ้มครองดูแลสุขภาพของเด็กและมารดา ดังนั้นจึงให้คำมั่นและร่วมมือกับโครงการ EWEC ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้บรรลุต่อเป้าหมายนี้ แต่ยังส่งเสริมการเข้าถึงการดูแลรักษาสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง โดยไม่ถือเชื้อชาติและเพศ อีกทั้งจะทำงานร่วมกันเพื่อให้โอกาสแก่เด็กและสตรีทุกคนมีชีวิตที่สมบูรณ์

ที่มา: http://www.thairath.co.th