ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

เคาะแล้วค่ารักษาพยาบาลใหม่ เพิ่มกระฉูด แถมงอกอีก 758 รายการ

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)จะประกาศค่ารักษาพยาบาลใหม่จำนวน 2,713 รายการ ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดย นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สธ. กล่าวว่า ค่าบริการใหม่ครั้งนี้มีรายการใหม่ที่เพิ่มขึ้น 758 รายการ ของเดิม 1,955 รายการ หมวดที่เพิ่มขึ้นสูงสุด คือ ค่าตรวจรักษาโรคโดยวิธีพิเศษซึ่งเพิ่มขึ้น 53% เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเทคโนโลยีใหม่ รองลงมา คือค่าบริการรังสีวินิจฉัย เวชศาสตร์นิวเคลียร์และรังสีรักษา เพิ่ม 23%รายการที่เพิ่มต่ำสุด คือ ค่าบริการเทคนิคการแพทย์ 8%

รมว.สธ. ระบุว่า ผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ คือ ผู้ที่ไม่ได้อยู่ใน3 กองทุน คือ ข้าราชการ ประกันสังคม และหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กลุ่มเหล่านั้นได้แก่ คนไทยที่ไม่ได้รักษาตามขั้นตอนตามสิทธิก่อนหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งคนในกรุงเทพฯ ราว 72% ที่มักไปซื้อยากินเอง เพราะอาจไม่สะดวกที่จะไปรับบริการในเวลาทำงาน

นอกจากนี้ อัตราค่ารักษาใหม่นี้จะนำไปใช้อ้างอิงในการรักษาพยาบาลคนต่างชาติ เช่น กลุ่มที่ข้ามพรมแดนมารับการรักษา และกลุ่มที่เดินทางมารับการรักษาในไทยด้วย

"ส่วนโรงพยาบาลเอกชนก็มีสิทธิจะปรับค่าบริการขึ้น เพราะปัจจุบันค่าบริการไม่ใช่สินค้าควบคุม"รมว.สธ. กล่าว

อย่างไรก็ตาม สธ.จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบราคาค่าบริการที่เหมาะสม เพื่อดูแลว่าตรวจการรักษาสมเหตุผลหรือไม่ รวมถึงจะดูในเรื่องค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันจ่ายให้ว่า เหมาะสมตามความเป็นจริงหรือไม่ด้วย

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัด สธ. กล่าวว่า อัตราค่าบริการใหม่นี้คิดจาก 3 ส่วน ได้แก่ 1.ต้นทุนค่าจ้าง เช่น เงินเดือน เป็นต้น 2.ต้นทุนค่ายาและวัสดุ 3.ต้นทุนค่าครุภัณฑ์และอื่นๆและจะบังคับใช้กับผู้ที่ใช้ระบบการประกันชีวิตกับบริษัทเอกชนด้วย

น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลในไทยแพงอยู่แล้วไม่มีเหตุผลใดที่จะปรับขึ้นราคาอีกและการออกประกาศเช่นนี้ก็เท่ากับเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับโรงพยาบาลเอกชน เพราะปรับราคากลางโรงพยาบาลเอกชนก็จะขึ้นราคาด้วย ขณะที่รัฐบาลเองต้องรับภาระจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาค่าหัวของระบบประกันสุขภาพ ซึ่งทำให้กระทบต่อภาระงบประมาณของประเทศ เนื่องจากต้องปรับเพิ่มค่าหัวในระบบประกันสุขภาพ

"ขอเรียกร้องให้ สธ.ทบทวนเรื่องนี้แต่หากจะทำจริงก็ควรมีกระบวนการที่ชัดเจนกว่านี้และควรรับฟังความคิดเห็นจากผู้ป่วย หรือจากองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญด้วย" น.ส.สารี ระบุ

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 29 มกราคม 2556