ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

อังกฤษพบผู้ติดเชื้อ "โคโรน่าไวรัส" เสียชีวิตรายแรกของปีนี้ นักวิจัยสวิสเผยไวรัสโคโรน่าแพร่กระจายเร็วกว่าซาร์ส 1 เท่าตัว องค์การอนามัยโลกร้องทั่วโลกจับตา หลังพบเสียชีวิตทั่วโลกแล้ว 6 ราย ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข สั่งสำนักระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลทุกแห่ง เฝ้าระวังผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดบวมรุนแรงทุกราย

หลังองค์การอนามัยโลก ได้ออกประกาศให้กระทรวงสาธารณสุขทั่วโลก คงระบบเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง หลังมีรายงานจากประเทศอังกฤษ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2012 (Novel Corona Virus : NCoV) จำนวน 2 ราย เป็นชาวอังกฤษ ซึ่งรายแรกมีอาการป่วยและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2556 มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศปากีสถาน และซาอุดีอาระเบีย ส่วนรายที่ 2 เป็นญาติของผู้ป่วยรายแรก กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยที่ผู้ป่วยรายนี้ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ องค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อนี้จำนวน 11 ราย จึงได้ออกประกาศแนะนำให้ประเทศสมาชิกทั่วโลก ดำเนินการเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเดินทางกลับจากกลุ่มประเทศคาบสมุทรอาราเบียนและประเทศใกล้เคียง

ล่าสุดโรงพยาบาลควีนเอลิซาเบธ ในเมืองเบอร์มิงแฮมของอังกฤษ แจ้งวานนี้ (19 ก.พ.)ว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสคล้ายไวรัสโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) เสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์นับเป็นรายที่ 6 ของโลก และนับเป็นผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสชนิดใหม่คนแรกที่เสียชีวิตในอังกฤษ โดยเขามีอาการภูมิคุ้มกันอ่อนแออยู่แล้ว ก่อนที่จะติดเชื้อจากพ่อของเขาซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเช่นกัน

โรงพยาบาลแถลงว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นหนึ่งในสมาชิก 3 คนของครอบครัวเดียวกันที่ติดเชื้อไวรัสตัวใหม่ สันนิษฐานว่า สมาชิกคนใดคนหนึ่งติดเชื้อนี้ระหว่างเดินทางไปตะวันออกกลางและปากีสถาน เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ป่วยเสียชีวิตในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) และมีปัญหาทางสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว โรงพยาบาลยังชี้ว่า ผู้ป่วยที่เสียชีวิตในอังกฤษรายนี้มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ และเชื่อว่าน่าจะติดเชื้อไวรัสจากญาติ ที่ได้รับการรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลในเมืองแมนเชสเตอร์

อังกฤษพบผู้ป่วยจากเชื้อโคโรนาไวรัสตัวใหม่นี้ 4 ราย โดยรายแรกเป็นผู้ป่วยที่ถูกส่งมารักษาตัวจากประเทศกาตาร์ ส่วนรายที่สองป่วยขณะเดินทางไปยังประเทศแถบตะวันออกกลาง และปากีสถานซึ่งคาดว่าติดโรคมาจากสัตว์ ก่อนจะนำเชื้อมาแพร่ต่อให้กับลูกชายของเขา และสมาชิกครอบครัวอีกคนหนึ่ง เรื่องนี้ทำให้หน่วยงานสาธารณสุขของอังกฤษเชื่อว่า เชื้อชนิดใหม่ตัวนี้ สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ชี้โคโรน่าแพร่เร็วกว่าซาร์ส

นายโวกเกอร์ ธีล นักวิจัยจากโรงพยาบาลแคนโทนัลในสวิตเซอร์แลนด์ เผยว่า ความสามารถในการเข้าถึงและแพร่ขยายตัวในเซลล์ผนังปอดของไวรัสโคโรนาตัวใหม่ หรือเอ็นคอฟ ซึ่งเป็นไวรัสตระกูลเดียวกับซาร์ส ใช้เวลาเพียงสองวัน เมื่อเปรียบเทียบกับไวรัสซาร์สที่ใช้เวลาถึง 4 วันในการขยายตัว

มีผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว 12 ราย แต่ในจำนวนนี้ 5 รายเสียชีวิตไปแล้ว แยกเป็นที่ประเทศได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย 3 ราย และจอร์แดนอีก 2 ราย ล่าสุดคือชาวอังกฤษที่เสียชีวิตเป็นรายที่ 6 ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอังกฤษเหลือ 3 คน รวมถึงการติดเชื้อเป็นกลุ่มในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามคนกว่า 100 คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อแล้ว ปรากฏว่าไม่พบการติดเชื้อเพิ่ม

นายธีล อธิบายว่า แม้ไวรัสโคโรน่าสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้ง่าย แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเชื้อโรคสามารถแพร่กระจายผ่านอากาศไปสู่คนได้ และเสริมว่า ยังไม่สามารถระบุถึงต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้และยังไม่ทราบว่ามีผู้ติดเชื้ออีกกี่คนที่อาการไม่แสดงออกมาเชื้อแพร่คนสู่คนได้ง่าย

ด้านนายจอห์น วัตสัน หัวหน้าแผนกโรคทางเดินหายใจของกรมควบคุมโรคอังกฤษ กล่าวว่า ไวรัสชนิดนี้ สามารถส่งต่อจากมนุษย์สู่มนุษย์ได้ แต่ย้ำว่า ความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายและติดเชื้อของไวรัสตัวใหม่แก่ประชากรในอังกฤษยังอยู่ในระดับต่ำ

ขณะที่องค์การอนามัยโลก (ฮู) เรียกร้องเมื่อวันเสาร์ (16 ก.พ.) ให้ทุกประเทศช่วยกันเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า พร้อมแนะนำผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ ให้เข้าพบแพทย์ทันทีเพื่อเข้ารับการตรวจสอบ

นายธีล กล่าวว่า ตอนนี้อาจจะมีวิธีรักษาที่เป็นไปได้ หลังจากห้องปฏิบัติการพบว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ จะไวมากต่อโปรตีน "อินเตอร์เฟียรอน" ซึ่งโปรตีนตัวนี้ปกติจะถูกใช้เพื่อกำจัดไวรัสตับอักเสบซีและเพิ่มภูมิคุ้มกัน ซึ่งทำให้มีความหวังในการรักษาในกรณีที่เกิดการระบาดหมู่มากสธ.สั่งทุกรพ.เฝ้าระวังผู้ป่วยโรคปอด

ความคืบหน้าเรื่องนี้ ในส่วนของประเทศไทย นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การประกาศเตือนขององค์การอนามัยโลกครั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักเพื่อเน้นย้ำให้ทุกประเทศทั่วโลกดำเนินการเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง หลังจากที่เคยประสบปัญหาระบาดทั่วโลก ได้สั่งการให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ เฝ้าระวังกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดบวมหรือมีปัญหาติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่มีอาการรุนแรง  มีไข้สูง  และปอดผิดปกติทุกรายอย่างต่อเนื่อง  เพื่อทำการคัดกรองหาผู้ที่ติดเชื้อ รวมถึงไข้หวัดนกและโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ 2012 เนื่องจาก 2 โรคนี้มีอาการใกล้เคียงกัน และไข้หวัดนก ขณะนี้พบว่ายังมีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน และให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ประสานทำงานร่วมกับองค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อวางความพร้อมระบบการป้องกันโรคในประเทศได้อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพไทยยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ

ด้านนายแพทย์ณรงค์  สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลการเฝ้าระวังที่ผ่านมายังไม่พบสัญญาณผิดปกติใดๆในประเทศไทย ผู้ป่วยโรคปอดบวมทั้งหมดเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไป ในปี 2556 นี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-4 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยโรคปอดบวม 16,376 รายจาก 77 จังหวัด เสียชีวิต 28 ราย ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้ตามฤดูกาล ทั้งนี้ ในด้านระบบการดูแลผู้ป่วยโรคปอดบวมในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมและมีมาตรการที่เป็นมาตรฐานในการดูแลเฝ้าระวัง

คนไทยที่จะเดินทางไปต่างประเทศสามารถเดินทางได้ตามปกติ ไม่ต้องวิตกกังวลและหากมีอาการป่วย คือมีไข้สูง ไอ หายใจหอบ ให้รีบพบแพทย์

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556