ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

"หมอประดิษฐ" ย้ำ แผนหนุนให้คนไทยใช้ชักโครกมากกว่าส้วมยองๆ เพื่อแก้ปัญหาโรคข้อเข้าเสื่อม และมีกระแสสุขภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานจากนอกทะลักเข้าไทย ยันไม่ได้หนุนกิจการผลิตสุขภัณฑ์ เลิกถือหุ้นมากว่า 7 ปีแล้ว

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตหลายแห่ง ระบุว่า มีพระราชกฤษฎีกายกเลิกส้วมซึมภายใน 120 วัน ให้หันใช้ชักโครกแทน ว่า ประเด็นนี้จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวข้องกับ สธ. เพราะพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวออกมาเพื่อกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์กลุ่มเซรามิก ให้เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เนื่องจากพบว่ามีการไหลของสินค้ากลุ่มเซรามิกที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ สธ.คือ ประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพ และผลกระทบจากการใช้ส้วมนั่งยอง เช่น ปัญหาเรื่องข้อเข่าเสื่อม จึงสนับสนุนให้มีการใช้ส้วมชนิดชักโครก แต่ปรากฏว่าขณะนี้มีการนำทั้ง 2 ประเด็นไปโยง และพูดกันจนเกิดความเข้าใจผิด ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยบอกว่าจะยกเลิกส้วมนั่งยอง เพียงแต่ว่าสนับสนุนให้มีการใช้ส้วมนั่งราบหรือชักโครกเท่านั้น

นพ.ประดิษฐกล่าวถึงกรณีที่มีการเชื่อมโยงแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทยเข้ากับธุรกิจสุขภัณฑ์ส่วนตัวว่า ขอชี้แจงว่าข้อมูลที่นำมาลงก็ไม่เป็นความจริง บริษัทที่ระบุว่าตนไปถือหุ้นอยู่นั้น ตอนนี้ก็ไม่ได้ถือหุ้นมา 5-7 ปีแล้ว แต่อยากถามว่าหากตอนนี้ตนเป็น รมว.สธ. เมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ในอนาคตข้างหน้าอีก 5 ปี ถ้า สธ.ไปซื้อสุขภัณฑ์จากบริษัทของตนแล้วจะผิดไหม

"เรื่องนี้ผมมองว่าเป็นการเอาพระราชกฤษฎีกากับแผนแม่บทมารวมกัน เป็นการจับแพะชนแกะ ซึ่งตรงนี้อยากขอร้องว่าอย่าทำเลย การโจมตีผมเป็นการส่วนตัว ผมไม่ว่าอะไร แต่อย่าทำอะไรให้ประชาชนเดือดร้อน ทำให้เกิดข้อมูลที่สับสน เหมือนกับกรณีที่คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลออกมาให้ความเห็นเรื่องพีโฟร์พี แต่มีการโยงและเอาสถาบันมาโจมตี ตรงนี้ทำให้ไม่สบายใจ โดยเฉพาะคนที่ออกมาพูดก็เป็นข้าราชการในกระทรวง ดังนั้นในฐานะที่ผมเป็นเจ้ากระทรวงก็ต้องตักเตือน ว่าให้ออกมาพูดอยู่ในขอบเขตด้วย และอยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการออกมาตักเตือนด้วยว่า การดึงเอาสถาบันลงมาเกี่ยวข้องเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง" นพ.ประดิษฐกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 30 เมษายน 2556