ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายกรัฐมนตรีเร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับแพทย์ชนบทในการรับค่าตอบแทนตามภาระงาน หรือระบบ P4P ด้านรมว.สธ.ติดเบรกแพทย์ชนบทนัดชุมนุมบ้านนายกฯ ขณะที่กลุ่มแพทย์มอบดอกไม้ให้กำลังยิ่งลักษณ์ที่ทำเนียบหนุน P4P

19 พ.ย.56 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส นายกแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะตัวแทนของแพทย์สมาคมฯ ได้นำบุคลากรประมาณ 15 คน มาพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อการสนับสนุนนโยบาย จ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน (P4P) ที่มติครม.อนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณาเป็นนโยบายในการบริหารงานการจ่ายค่าตอบแทนแก่บุคลากรมาใช้ใน กระทรวงสาธารณสุข เป็นระบบที่มีการใช้อย่างได้ผลมาแล้วในหลายประเทศ และขอให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้ทำความเข้าใจและจัดระบบการพิจารณา ค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรมแก่ข้าราชการและลูกจ้างเพื่อให้เกิดขวัญกำลังใจแก่ ผู้ปฏิบัติโดยรวม

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอให้บุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทำความเข้าใจกับแพทย์ชนบทเกี่ยวกับการใช้ระบบการจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานในทุกระดับ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชนด้วยต่อมา

ขณะที่ นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เผยถึงกรณีที่กลุ่มแพทย์ชนบท เตรียมเดินทางไปหน้าบ้านนายกฯในวันที่ 20 พ.ย. เนื่องจากยังไม่ได้ข้อยุติเรื่องค่าตอบแทนบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขว่า ได้บอกไปเบื้องต้นแล้วว่า อย่านำประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะการเดินทางไปที่บ้านนายกฯ ในวันที่ 20 พ.ย.เหมือนเป็นประเด็นทางการเมือง และในวันนี้จะมีการนัดหารือเพื่อหาข้อยุติในทุกฝ่าย ทั้งแพทย์ชนบทรวมถึงวิชาชีพอื่นๆ

อย่างไรก็ตามกลุ่มวิชาชีพอื่นก็ยังไม่เห็นชอบกับแนวคิดของแพทย์ชนบท ทั้งนี้ ยังมีความแตกต่างในค่าตอบแทนของในวิชาชีพแพทย์ด้วยกันเอง เราต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันในแนวคิดว่าค่าตอบแทนที่แพทย์ชนบทได้นั้นไม่ได้เป็นการให้เปล่า ถ้าบอกว่าเป็นการตอบแทนที่อยู่ในพื้นที่กันดารก็อาจจะคุยกันได้ และเชื่อว่าสุดท้ายจะทำความเข้าใจกันได้ เพื่อไม่ให้มีความบาดหมางในวิชาชีพ ซึ่งจะต้องพยายามทำความเข้าใจ

นพ.ประดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า มันจะเป็นการเมืองแน่ ถ้ามาบ้านนายกฯ ในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งมีการคุยแล้วว่าอย่าได้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง เพราะเป็นเรื่องภายในของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น และหวังว่าที่สุดแล้วจะไม่มีการนำการเมืองเข้ามายุ่ง