ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.พบผู้ป่วยต้องสงสัยโรคคอตีบ ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ส่งตรวจเชื้อยืนยันแล้ว รอผลตรวจทางการอีกครั้ง พร้อมเชิญชวนผู้ใหญ่อายุ 20-50 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบฟรี จนถึงสิ้นเดือนเมษายน ขณะนี้ทั่วประเทศฉีดไปแล้ว 12.3 ล้านคน หรือร้อยละ 55.16 

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยสงสัยโรคคอตีบ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นชายชาวไทใหญ่ อายุ 45 ปี ไม่มีประวัติการได้รับวัคซีนคอตีบ ขณะนี้ได้ส่งตรวจเชื้อยืนยันทางห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกำลังรอผลตรวจอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขณะนี้ อยู่ในช่วงรณรงค์โครงการให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 20 - 50 ปีฟรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2557 ถึง 30 เมษายน 2558 นี้ เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันของผู้ใหญ่กลุ่มนี้ให้สูงเพียงพอที่จะป้องกันโรคคอตีบ ก่อนที่ไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีนี้ ซึ่งจากปัญหาสุขภาพ อาจมีโรคระบาดแฝงมากับการเคลื่อนย้ายถิ่น ซึ่งแรงงานข้ามชาติเข้ามามากขึ้น 

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบในครั้งนี้ ตั้งเป้าให้ครอบคลุมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 85 ข้อมูล ณ วันที่ 23 เมษายน 2558 ได้ฉีดวัคซีนโรคคอตีบทั่วประเทศไปแล้วจำนวน 12,335,391 คน หรือร้อยละ 55.16 โดยแยกเป็น ปี 2557 รณรงค์ฉีดวัคซีนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ร้อยละ 87.31 ส่วนในปี 2558 รณรงค์ฉีดวัคซีนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ขณะนี้ได้ร้อยละ 44.07 เฉพาะในจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่พบผู้ป่วยสงสัยโรคคอตีบ ฉีดวัคซีนไปแล้ว 37,949 คน หรือร้อยละ 42.05 

จึงขอเชิญชวนประชาชนอายุ 20 - 50 ปี ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ควรได้รับวัคซีนทุกคน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง โดยสามารถไปรับการฉีดวัคซีนฟรี จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2558 ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐใกล้บ้าน ซึ่งวัคซีนที่ใช้ครั้งนี้เป็นวัคซีนรวม 2 ชนิด คือโรคคอตีบและบาดทะยัก ซึ่งจะทำให้ได้รับการป้องกัน ทั้งโรคคอตีบและบาดทะยักไปในคราวเดียวกัน ส่วนใหญ่ประชาชนยังเข้าใจผิดว่าเกิดขึ้นเฉพาะในเด็ก ที่จริงแล้วโรคนี้เกิดได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่ไม่มีภูมิต้านทานโรค ที่สำคัญมีผลการสำรวจล่าสุด พบว่าประชาชนกลุ่มอายุ 20–50 ปี มีระดับภูมิต้านทาน ไม่เพียงพอต่อการป้องกันโรคคอตีบ มีความเสี่ยงติดเชื้อและป่วยเป็นโรคคอตีบได้สูง โครงการนี้จึงเป็นการป้องกันควบคุมโรคคอตีบในระยะยาวของประเทศ  

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า โรคคอตีบ (Diphtheria) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน เชื้อจะอยู่ในโพรงจมูก ในลำคอผู้ป่วยติดต่อกันง่ายทางไอจาม สำหรับอาการป่วยคือในระยะแรก มีอาการคล้ายหวัด คือมีไข้ต่ำๆ ไอ เจ็บคอ ต่อมามีแผ่นฝ้าสีขาวอมเทาในลำคอ ในรายที่รุนแรงทางเดินหายใจจะตีบตัน อาจเสียชีวิตได้ อาการแทรกซ้อนที่สำคัญคือ พิษของเชื้อจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจและเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์โรคคอตีบในไทยลดลงมาก โดยในปี 2555 มีผู้ป่วย 63 ราย ปี 2556 ผู้ป่วยลดลงเหลือ 28 ราย ส่วนในปี 2557 มีผู้ป่วย 16 ราย เสียชีวิต 4 ราย หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักโรคติดต่อทั่วไป โทร 02 590 3196-9 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422