ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัดสธ.เผยอากาศหนาวเย็นเพิ่มความเสี่ยงการระบาด "โรคไข้หวัดใหญ่" มากขึ้น พบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นไข้หวัดใหญ่ถึง 42% กลุ่มอาการรุนแรงต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก เด็กวัยเรียน ผู้สูงสูงอายุ ย้ำดูแลสุขอนามัย รักษาความอบอุ่นร่างกาย หากมีอาการระบบทางเดินหายใจให้สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงไปในที่มีฝูงชนจำนวนมาก รวมทั้งการใกล้ชิดเด็กและผู้สูงอายุ

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการติดตามเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ช่วงสัปดาห์ที่ 47 - 50 ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน - 16 ธันวาคม 2566 ได้เก็บตัวอย่างจากระบบทางเดินหายใจของผู้ที่มาโรงพยาบาลด้วยกลุ่มอาการทางเดินหายใจ ในโรงพยาบาลเครือข่าย 14 แห่ง จำนวน 120-200 ตัวอย่างต่อสัปดาห์ ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี PCR พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสัดส่วนที่สูงถึง 42% รองลงมาเป็น ไรโนไวรัส/เอนเทอโรไวรัส 36.9% hMPV 9.3% อาร์เอสวี 6.4% และโควิด 19 อีก 5.4% โดยในผู้ป่วยพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรงจนต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลนั้น มากที่สุดอยู่ในกลุ่มอายุน้อยกว่า 5 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 5-17 ปี และมากกว่า 65 ปีตามลำดับ     

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยแล้วมีอาการรุนแรง คือ เด็กเล็ก เด็กวัยเรียน และผู้สูงอายุ ประกอบกับช่วงนี้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นในหลายพื้นที่ ซึ่งสภาพอากาศเช่นนี้มีผลให้เชื้อไวรัสอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น แพร่กระจายได้ง่ายและเร็วขึ้น ดังนั้น ขอให้ประชาชนระมัดระวังรักษาสุขภาพ ดูแลอนามัยส่วนบุคคล รักษาร่างกายให้อบอุ่น โดยเฉพาะเมื่อมีอาการทางเดินหายใจ เป็นไข้ เจ็บคอ ไอ จาม มีน้ำมูก ให้สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่มีฝูงชนจำนวนมาก รวมทั้งการใกล้ชิดเด็กและผู้สูงอายุ หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และเฝ้าระวังอาการเจ็บป่วยรุนแรงของผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง หากรับประทานยาเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้นขอให้ไปพบแพทย์โดยเร็ว