ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

สธ.ห่วงเปิดอาเซียนทำยานอกไหลเข้าประเทศหนัก เร่งศึกษายาสำคัญ ดันรัฐหุ้นผลิตเอง

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวในงานสัมมนา"เจาะลึกธุรกิจ Health & Beauty" จัดโดยสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า ปัจจุบันไทยมีสัดส่วนการนำเข้ายาจากต่างประเทศมากถึง 75% เมื่อรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ก็มีแนวโน้มจะทำสัญญาและนำเข้ายาจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะสิงคโปร์มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยพึ่งพายาจากต่างชาติมากเกินไปสธ.จะเร่งศึกษาว่ามียาสำคัญใดบ้างที่ไทยควรจะผลิตเอง และเร่งดำเนินการผลิตเพื่อป้องกันสถานการณ์ดังกล่าว

"เบื้องต้นคิดว่าผลิตภัณฑ์ยาที่สำคัญอย่างหนึ่งคือน้ำเกลือ ทุกวันนี้เรายังต้องนำเข้า รัฐอาจต้องศึกษาหายาสำคัญจนครบแล้วหาวิธีจัดการ โดยรัฐบาลอาจเข้าไปหุ้นเป็นผู้ผลิต" นพ.ประดิษฐ กล่าว

นอกจากนี้ การเติบโตของภาคเศรษฐกิจเชื่อมโยงในภูมิภาคโดยเฉพาะการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อมาลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง จะทำให้ไทยต้องจ้างแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 5 แสนคน ส่งผลให้มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ที่สำคัญยังมีกลุ่มผู้ติดตาม และกลุ่มที่อาจจะเข้ามามีบุตรในไทย ท้ายที่สุดก็จะมีโรคระบาดต่างๆรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น สธ.จึงได้เร่งเตรียมนโยบายในการให้กลุ่มคนต่างด้าวมีโอกาสเข้าถึงบริการสุขภาพ เช่น การทำบัตรประกันสุขภาพ

สำหรับกลุ่มที่เข้ามารักษาเพิ่มขึ้นไม่ใช่เพียงกลุ่มแรงงานต่างด้าวเท่านั้น โดยตามชายแดนจะมีผู้เข้ามารับการรักษามากขึ้นกลุ่มคนรวยของแต่ละประเทศจะบินเข้ามารับการรักษาในไทย เพราะไทยมีชื่อเสียงด้านบริการการแพทย์อยู่แล้วอนาคตจะเกิดการไหลเข้า-ออกของผู้ป่วยโรงพยาบาลต่างๆ จึงต้องปรับตัวเตรียมพร้อมรับมือ

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่มีกลุ่มทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนสร้างโรงพยาบาลใหม่ในไทยมากนัก เนื่องจากอาเซียนมีข้อจำกัดหลายอย่าง รูปแบบการเข้ามาจึงน่าจะเป็นเพียงการนำเงินทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หรือโรงพยาบาลของไทยโดยตรง ในทางตรงกันข้ามจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนไทยไปขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น

ขณะที่การเคลื่อนย้ายเสรีผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ พยาบาล และทันตแพทย์นั้น เชื่อว่าจะเกิดขึ้นไม่มากเพราะแต่ละประเทศยังสร้างข้อจำกัดไว้ เช่น ต้องสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นภาษาของประเทศนั้นๆ ประกอบกับลักษณะนิสัยของแพทย์ไทยที่เป็นกลุ่มอนุรักษนิยม หากมีการเคลื่อนย้ายน่าจะเป็นต่างชาติย้ายเข้ามาทำงานในไทย ในจำนวนที่ไม่มากนัก

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 3 พฤษภาคม 2556