ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประธานบอร์ด อภ. ชุดใหม่ เดินหน้าปรับ อภ.ให้เป็นเสาหลักด้านยาและเวชภัณฑ์ของประเทศ ประชาชนเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นอย่างทั่วถึง เท่าเทียม เล็งสร้างโรงงานผลิตยามะเร็ง

นพ.โสภณ เมฆธน

นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้นโยบายไว้ว่า คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมชุดนี้ จะต้องร่วมกันพัฒนา ปรับปรุง ผลักดัน การดำเนินงานขององค์การเภสัชกรรม ให้มี ความทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นเสาหลักที่สร้างความมั่งคง ยั่งยืน ด้านยาและเวชภัณฑ์ให้กับประเทศ กระจายยาและเวชภัณฑ์ให้ประชาชนเข้าถึงยาที่จำเป็นในระบบสาธารณสุขอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมได้มากขึ้น และให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างการเข้าถึงยาให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศ และเกิดการแข่งขันได้มากขึ้น รวมทั้งสร้างกลไกส่งเสริมให้เกิดธรรมาภิบาลในระบบยาของประเทศ และที่สำคัญจะดูแลพนักงานขององค์การฯ ให้ทำงานอย่างมีความสุข ทั้งนี้ เพื่อให้องค์การฯ มียาดี มีคุณภาพ ประชาชนเข้าถึงยาราคาคุ้มค่า เป็นธรรม เป็นที่เชื่อถือของประชาชนที่ใช้ยา

ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อว่า อภ.ต้องพร้อมที่จะดำเนินการสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ตามระบบการบริหารจัดการระบบยาและเวชภัณฑ์ที่ปรับเปลี่ยนจากที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้ซื้อมาอยู่ในความรับผิดชอบของโรงพยาบาลราชวิถีให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ รวมถึงดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ที่ได้มีกฎกระทรวงที่คงให้ อภ.ทำหน้าที่ผู้สนับสนุนหลักในด้านยาและเวชภัณฑ์ ให้กับหน่วยงานภาครัฐของประเทศ อภ.จะต้องพร้อมสำหรับการดำเนินงานตามแนวทางประเทศไทย 4.0 เป็น "องค์การเภสัชกรรม 4.0"

อาทิ การสร้างความมั่นคงด้านยา โดยมุ่งคิดค้น วิจัย และพัฒนาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เชิงนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ระบบยาของประเทศ อย่างต่อเนื่อง เช่น ยาจำเป็นที่มีมูลค่าการใช้สูง ประกอบด้วย กลุ่มยาโรคเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ กลุ่มยาเอดส์ กลุ่มยารักษามะเร็ง รวมถึงยาที่มีราคาแพง ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงได้ ในกลุ่มยามะเร็งนั้นจะเร่งให้มีการวิจัย และพัฒนายาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ รวมถึงการสร้างโรงงานผลิตยามะเร็งในอนาคตให้เร็วขึ้น เนื่องจากยากลุ่มนี้ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่

พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีระบบอัจฉริยะ และระบบดิจิตอล มาใช้ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต การตลาด ตลอดจนกระบวนการทำงานด้านต่างๆ ภายใต้แนวคิด SMART INDUSTRY, SMART OFFICE, SMART MARKETING และที่สำคัญ SMART HUMAN RESOURCE (HR) อีกทั้งจะมีการพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ให้มีคุณสมบัติเป็นยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีประสิทธิภาพสูงตามนโยบายสมุนไพรของรัฐบาลและยาตำรับสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ และมีการแสวงหาพันธมิตรในการร่วมผลิต จัดหา และเป็นแหล่งผลิตสำรองในกรณีฉุกเฉิน ตลอดจนแสวงหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆที่มีคุณภาพภายนอกประเทศเพิ่มขึ้น

นพ.โสภณ กล่าวว่า จะเร่งผลักดันโครงการต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็น โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่/ ไข้หวัดนก ตามมาตรฐาน WHO-GMP โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเภสัชเคมีภัณฑ์แห่งใหม่ เพื่อผลิตเคมีภัณฑ์ ชุดทดสอบ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ วัตถุดิบทางยา ซึ่งจะสร้างเสร็จ ในเดือนธันวาคม 2560 โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาแห่งใหม่ในเฟส 2 ที่รังสิต เพื่อผลิตยาน้ำ ครีม ขี้ผึ้ง ยาปราศจากเชื้อ ยาเม็ด ตลอดจนยารูปแบบอื่นๆ การก่อสร้าง และพัฒนาระบบคลังและกระจายสินค้า เพื่อเป็นศูนย์กลางการกระจายยา และเวชภัณฑ์ที่มีความทันสมัย รวดเร็ว และเป็นมาตรฐานยิ่งขึ้น

นอกจากนั้นจะให้มีการดำเนินการผลิต และจัดหายาเชิงสังคมที่มีความจำเป็น อาทิ ยากำพร้า ยาขาดแคลน ยาในบัญชียา จ.2 ให้มีรายการมากขึ้น ซึ่งยาเหล่านี้จะหามาใช้รักษาได้ยากและ มีราคาสูง เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงยาจำเป็นเหล่านี้ได้มากขึ้น

สำหรับคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมชุดใหม่มี นพ.โสภณ เมฆธน เป็นประธานกรรมการ และกรรมการ ประกอบด้วย นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข, นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข, นางญาใจ พัฒนสุขวสันต์, นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย, นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์, นายชูศักดิ์ โอกาศเจริญ, นางสาวสมฤดี ศรีจรรยา, นางสาวคนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม และนายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ซึ่งคณะกรรมการจะมีวาระ 3 ปี