ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

ครม.อนุมัติหลักการปรับปรุงระบบค่าตอบแทนบุคลากรการแพทย์ สธ. จ่าย 2 เด้ง เหมาจ่ายตามพื้นที่บวกเงินเพิ่มตามภาระงาน 'แพทย์ชนบท'แต่งดำชุมนุมกดดันหน้าทำเนียบ ค้านรูปแบบใหม่

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 มีนาคม บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก กลุ่มแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชฯ และพยาบาล ในชนบทประมาณ 800 คน แต่งกายด้วยชุดดำ พร้อมทั้งมีการนำพวงหรีดและดอกไม้จันทน์ มาวางหน้าโลงศพและหุ่นจำลองของ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อคัดค้านการปรับเปลี่ยนแนวทางการจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้

โดย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า การมาประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า การมาชุมนุมครั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ปลด นพ.ประดิษฐ เนื่องจากกลุ่มแพทย์ชนบทไม่พอใจกรณี นพ.ประดิษฐ มีการปรับเปลี่ยนค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย เป็นคิดตามภาระงาน หรือ พีฟอร์พี  (P4P : Pay for Performance) ทำให้แพทย์ชนบทเสียขวัญกำลังใจ รวมถึงเรื่องที่รัฐมนตรี สธ.มีการบริหารงานแบบรวบอำนาจ นำองค์กรอิสระด้านสุขภาพมาอยู่ภายใต้การบริหารของกระทรวงสาธารณสุข และเอื้อประโยชน์ให้โครงการเมดิคัลฮับรองรับอาเซียน ผลักดันแพทย์รัฐสู่ภาคเอกชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการชุมนุมจะมีตัวแทนของแพทย์จากโรงพยาบาลต่างๆ ขึ้นปราศรัยบนรถบรรทุกขยายเสียงที่จัดเตรียมมา มีการตะโกนและชูป้ายขับไล่ นพ.ประดิษฐ ออกจากตำแหน่งเป็นระยะ

ต่อมาเวลา 13.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมายังกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อเจรจาและรับเรื่องร้องเรียน แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมร่วมเจรจาด้วย โดยยืนยันว่าต้องการเจรจากับผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า นพ.ประดิษฐเท่านั้น ทำให้ นพ.ชลน่านต้องเดินทางกลับ จากนั้นก็ไม่มีใครในทำเนียบรัฐบาลออกมาเจรจาด้วย

จนกระทั่งเวลา 14.00 น. กลุ่มแพทย์ชนบทจึงเรียกรวมตัวกลุ่มผู้ชุมนุม และให้ทุกคนมายืนเป็นวงกลมล้อมรอบหุ่นจำลองรัฐมนตรี สธ. ทำการเผาหุ่น ดอกไม้จันทน์และพวงหรีด โดยก่อนการเผาหุ่นจำลองกลุ่มแพทย์ชนบทได้กล่าวคำปฏิญาณโดยยืนยันว่าจะไม่ยอมรับ นพ. ประดิษฐ ให้ทำหน้าที่ด้านผู้นำสาธารณสุข เพราะไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทำให้ระบบสุขภาพคนชนบทถดถอย จึงต้องให้รักษาโรคที่ต้นเหตุด้วยการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี สธ.เท่านั้น

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มทยอยเดินทางกลับ โดย นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า ทางกลุ่มจะกลับมาชุมนุมอีกครั้ง ภายหลังการไปชี้แจงให้บุคลากรทางสาธารณสุขและประชาชนแต่ละจังหวัดเข้าใจถึงผลกระทบในเรื่องนี้

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง สธ. ร่วมแถลงข่าวผลการประชุม ครม. เกี่ยวกับแนวทางการปรับค่าตอบแทนกำลังคนของ สธ.ว่า ครม.มีมติอนุมัติในหลักการให้ สธ.ดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงค่าตอบแทนโดยให้จ่ายแบบผสมผสาน ทั้งการจ่ายตามภาระงานหรือพีฟอร์พี (P4P:Pay for Performance) และเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายคงเดิมในพื้นที่เฉพาะหรือพื้นที่ทุรกันดาร ซึ่งแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.พื้นที่ชุมชนเมือง 2.พื้นที่ปกติ 3.พื้นที่เฉพาะ 1 และ 4.พื้นที่เฉพาะ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.พื้นที่ชุมชนเมือง 2.พื้นที่ปกติ 3.พื้นที่เฉพาะ 1 และ 4.พื้นที่เฉพาะ 2 โดยพื้นที่เฉพาะ 1 จะเป็นโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร รวมทั้งตามเกาะต่างๆ ส่วนพื้นที่เฉพาะ 2 เป็นพื้นที่ทุรกันดารในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มพื้นที่เฉพาะทั้ง 1 และ 2 จะได้รับค่าตอบแทนทั้งเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายตามเดิม และยังได้เพิ่มจากการทำพีฟอร์พีอีกด้วย ใครทำงานมากก็จะได้รับค่าตอบแทนมาก

นพ.ณรงค์กล่าวว่า ครม.ยังได้มอบหมายให้ สธ.ไปดำเนินการสร้างความเข้าใจและจัดทำรายละเอียดให้ครบถ้วน โดยจะเชิญตัวแทนฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ร่วมรับฟังรายละเอียดในเรื่องการแบ่งพื้นที่ กรอบอัตราค่าตอบแทนต่างๆ หากใครมีข้อเสนอสามารถเสนอเพิ่มเติมได้ จากนั้นจะรวบรวมรายละเอียดเสนอนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองในวันที่ 29 มีนาคม ก่อนเข้าที่ประชุม ครม.สัญจรในวันที่ 30-31 มีนาคม ซึ่งจะได้ทันดำเนินการตามกรอบระยะแรกในวันที่ 1 เมษายนนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการอย่างไร หากโรงพยาบาลชุมชนไม่เข้าร่วมในการจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอนายกิตติรัตน์ นพ.ณรงค์กล่าวว่า การหารือจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป เพราะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกคนแล้ว ส่วนกรณีมีความกังวลว่าในช่วงสงกรานต์จะมีบุคลากร สธ.ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวหยุดงาน เชื่อว่าทุกคนมีจรรยาบรรณและนึกถึงประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตาม สธ.ได้เตรียมกำลังคนเพิ่มเติม และขอให้ทุกโรงพยาบาลพิจารณาอนุมัติค่าตอบแทนเพิ่มพิเศษในช่วงเทศกาลด้วย โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าจะได้เพิ่มกี่เท่าจากการทำงานปกติ

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรี สธ. กล่าวว่า นอกจาก ครม.อนุมัติในหลักการให้ดำเนินการปรับปรุงระเบียบการจ่ายค่าตอบแทนแล้ว ยังอนุมัติตามข้อเสนอของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่เสนอของบเพิ่มเติมในส่วนของค่าตอบแทนพีฟอร์พี และเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายเฉพาะพื้นที่ทุรกันดารอีก 3,000 ล้านบาท โดยเป็นงบคนละส่วนจากงบเหมา จ่ายรายหัว เนื่องจากที่ผ่านมาการจ่ายค่าล้านบาท โดยเป็นงบคนละส่วนจากงบเหมา จ่ายรายหัว เนื่องจากที่ผ่านมาการจ่ายค่าตอบแทนจะเป็นเงินของโรงพยาบาล เรียกว่าเงินบำรุง ทำให้บางครั้งไม่เพียงพอ และที่ผ่านมา สธ.ต้องของบส่วนนี้เพิ่มเป็นการชั่วคราว บางปีก็ได้ บางปีก็ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะเสนอผ่าน สปสช.ทุกปี

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการสร้างความเข้าใจกับกลุ่มแพทย์ชนบทที่ออกมาชุมนุมหรือไม่ นพ.ประดิษฐกล่าวว่า "พร้อมพูดคุยทำความเข้าใจมาตลอด แต่ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมไม่รับฟัง มติ ครม.ออกมาเป็นเช่นไรก็ไม่รับฟัง ต้องการเพียงให้ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี สธ. และขอให้นายกฯปลดผม ถามว่าประเด็นในการชุมนุมเริ่มไม่ชัด เนื่องจากหากบอกว่าคัดค้านการยกเลิกค่าตอบแทน ก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ยกเลิก แต่ปรับปรุง ที่สำคัญในพื้นที่ทุรกันดาร พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังคงใช้เหมือนเดิม หนำซ้ำกลุ่มผู้ชุมนุมยังพูดถึงนโยบายเมดิคัลฮับ ที่ผมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลว่าไม่สมควร จะให้ลาออกอีก ถามว่าหากไม่ทำตามนโยบายรัฐบาล ผมก็ต้องถูกนายกฯพิจารณาอีก แบบนี้สมควรหรือไม่"

นพ.ประดิษฐกล่าวว่า หากการแสดงออกเป็นไปอย่างเหมาะสมก็ไม่มีปัญหา แต่การชุมนุมปิดกั้นถนนทำให้คนเดือดร้อน เพราะฉะนั้นการชุมนุมต้องคำนึงไม่ให้ส่งผลกระทบผู้อื่นด้วย เมื่อถามว่าถ้าหากผู้ชุมนุมยืนยันให้กลับไปใช้ในระบบเดิม นพ.ประดิษฐกล่าวว่า เป็นการยืนยันของคนกลุ่มน้อย แต่คนส่วนใหญ่ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ส่วนอื่น อาทิ พยาบาล เภสัชกร หรือแม้แต่แพทย์ในกลุ่มสูตินรีเวช และแพทย์ทั่วไป ก็เห็นด้วย หากกลุ่มผู้ชุมนุมยังยืนยันเช่นนั้นจะทำให้ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และจะทำให้เสียหลักการที่สำคัญที่สุดคือ ไม่สามารถเพิ่มเงินให้บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อต้องการรักษาบุคลากรเหล่านี้ไว้ ไม่ให้เคลื่อนย้ายออกจาก ภาครัฐไปภาคเอกชน เพราะรายได้ไม่เพียงพอ วิธีนี้จึงเป็นแนวทาง สธ.จะเพิ่มเงินให้โดยชอบธรรม

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 27 มีนาคม 2556